เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
พักหลังนี้เรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศบ่อยขึ้น แต่ที่น่าใจหายไม่น้อยก็คือ นับวันอายุของเหยื่อที่ถูกกระทำจะยิ่งลดน้อยลงไปทุกที โดยเฉพาะเด็กตัวเล็ก ๆ ที่อายุอานามยังไม่ทันจะได้เข้าโรงเรียนอนุบาล ก็ยังมีข่าวตกเป็นเหยื่อให้เราเห็นอยู่บ่อยครั้ง
อย่างเช่นเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีกรณีที่แม่ของเด็กหญิงวัยเพียง 5 เดือนเท่านั้น ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ และร้องเรียนไปยังมูลนิธิปวีณา เพราะสงสัยว่า ลูกสาวอาจจะถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรืออาจถูกข่มขืน เนื่องจากมีเลือดออกที่บริเวณอวัยวะเพศ จนต้องเย็บถึง 40 เข็ม หลังจากนำลูกสาวไปฝากเลี้ยงไว้กับพี่เลี้ยง ที่สถานรับเลี้ยงเด็กแห่งหนึ่งใกล้บ้าน โดยพี่เลี้ยงเด็กปฏิเสธไม่รู้เรื่อง แถมอ้างหน้าตาเฉยว่า ลูกสาวอาจจะมีประจำเดือนแล้ว ก่อนจะยอมรับภายหลังว่า ได้ใช้นิ้วแหย่เข้าไปในอวัยวะเพศของเด็ก
นอกจากนี้ ยังมีคุณพ่อคุณแม่รายอื่น ๆ ที่เคยนำเด็กไปฝากเลี้ยงไว้ตามสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือเนิร์สเซอร์รี่ เริ่มกังวลถึงความไม่ปลอดภัยของลูกสาวเช่นกัน โดยคุณพ่อคุณแม่บางรายพบเห็นลูกสาวมีพฤติกรรมแปลก ๆ เช่น ชอบให้คนเอามือมาลูบ หรือแหย่เข้าไปในอวัยวะเพศ หรือก้น ซึ่งมีความเป็นไปได้สูง ที่เด็กจะจดจำมาจากพฤติกรรมของคนในเนิร์สเซอร์รี่ ที่พ่อแม่พาเด็กไปฝากไว้ แต่เด็กซึ่งยังเล็กอยู่มาก ย่อมไม่รู้เรื่องแน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้คือ "การล่วงละเมิดทางเพศ" ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมที่รุนแรง โดยเฉพาะกับตัวเด็กเอง
เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ทุกวันนี้การใช้ความรุนแรงกับเด็กกำลังเกิดขึ้นในสังคม และยังมีเด็ก ๆ ตกเป็นเหยื่ออีกจำนวนมาก ดังจะเห็นได้จากตัวเลขที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก , มูลนิธิเพื่อนหญิง , ศูนย์ประชาบดี ได้รายงานว่า ในปี 2551-2553 มีเด็กถูกกระทำรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้นสูงอย่างเห็นได้ชัด โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง ที่สำคัญผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่ก็มักเป็นผู้ใกล้ชิด เครือญาติ รวมทั้งพี่เลี้ยงตามสถานรับเลี้ยงเด็กนั่นเอง
แล้วคุณพ่อคุณแม่จะสามารถปกป้องลูกของเรา ตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงวัยรุ่น ที่กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้อย่างไร ลองอ่านคำแนะนำต่อไปนี้ดูค่ะ
1.ต้องเอาใจใส่ คอยดูแลลูก อย่าปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว หรืออยู่ห่างจากสายตาโดยเด็ดขาด หากจำเป็นต้องห่างจากลูก ควรฝากไว้กับญาติผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้
2. หากลูกยังเล็ก และคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องฝากลูกไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือเนิร์สเซอร์รี่ ควรศึกษาข้อมูลก่อนว่า สถานที่แห่งนั้นน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้หรือไม่ มีระบบการจัดการ รักษาความปลอดภัยดีหรือไม่ เพื่อไม่ให้ลูกตกเป็นเหยื่อของผู้อื่น
3.หากลูกโตพอที่จะสอนได้แล้ว ก็ควรบอกให้ลูกระมัดระวังตัวเอง อย่าไปไหนกับใคร ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า และหากไปไหนต้องบอกพ่อแม่ให้รู้ว่าไปกับใคร กลับเมื่อไหร่ อยู่ที่ไหน
4.รับฟังลูกหากมีปัญหา เพื่อที่ลูกจะได้ไว้ใจ กล้าปรึกษาพ่อแม่หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา
5. สอนวิธีการวางตัว การทำพฤติกรรมที่เหมาะสม โดยเฉพาะเด็กที่กำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่น จะเริ่มแต่งตัว เพื่อให้เป็นที่สนใจของเพศตรงข้าม พ่อแม่ต้องแนะวิธีการแต่งตัวที่เหมาะสม และกำชับไม่ให้กลับบ้านเย็นมากเกินไป เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้
6. ต้องสนใจ เอาใจใส่เรื่องของลูก ควรรู้ว่า เพื่อนของลูกมีใครบ้าง บ้านอยู่ที่ไหน หรือติดต่อพูดคุยกับพ่อแม่ของเพื่อนลูก เพื่อจะได้ช่วยเหลือกัน ดูแลกัน
7.แนะนำวิธีป้องกันตัวให้ลูก รวมทั้งเล่าเรื่องราวจากข่าวที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดทางเพศ ให้ลูกฟัง เพื่อที่ลูกจะได้เข้าใจว่า คนไม่ประสงค์ดีจะเข้ามาทำอันตรายในรูปแบบ และอะไรจะเป็นผลเสียกับตัวเองบ้าง
แต่ถ้าหากสมมมติว่า "ลูก" ของเรา พลาดพลั้งถูกคนล่วงละเมิดทางเพศไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม คำถามแรกที่เกิดขึ้นทันทีในหัวอกของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ก็คือ "ควรจะทำอย่างไรดี?" ลองอ่านคำแนะนำต่อไปนี้ค่ะ
1.ขั้นแรกคือต้องตั้งสติก่อน อย่าโวยวาย ตระหนกตกใจ โกรธเคืองให้ลูกเห็น เพราะจะทำให้ลูกตกใจกลัว ไม่กล้าเล่าความจริง ต้องรับฟังและเชื่อที่เด็กเล่าไว้ก่อน
2.หากสามารถเก็บรวบรวมหลักฐานการล่วงละเมิดทางเพศได้ ให้เก็บไว้ และถ่ายภาพร่องรอยบาดแผลของเด็กที่ถูกละเมิดทางเพศไว้ (หากทำได้) แล้วพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล โดยที่ยังไม่ต้องชำระร่างกายเด็ก
3.พยายามดูแลสภาพจิตใจและร่างกายของลูก โดยช่วงเวลานี้คุณพ่อคุณแม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนลูกอย่างใกล้ชิด เพื่อปลอบประโลมลูก ไม่ให้ทำร้ายตัวเอง หากลูกมีสภาพจิตใจที่บอบช้ำมาก ให้พาลูกไปพบจิตแพทย์ เพื่อเยียวยาอาการโศกเศร้า
4.แจ้งความ คือ การจัดการทางกฎหมายที่ดีที่สุด ไม่ควรปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวล เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ และให้เจ้าหน้าที่ตรวจตราสอดส่องพื้นที่บริเวณนั้น ๆ มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นตกเป็นเหยื่ออีก
5. หากไม่ทราบว่าจะช่วยเหลือลูกได้อย่างไรจึงจะดีที่สุด ควรปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้โดยตรง เพื่อให้ช่วยเยียวยา บำบัดสภาพจิตใจให้ลูกได้ทันท่วงที โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
สภาทนายความ lc.thaiitlaw.com โทร 0-2629-1430
มูลนิธิเพื่อนหญิง friendsofwomen.or.th โทร 0-2513-1001
ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก มูลนิธิเด็ก thaichildrights.org/th โทร 0-2412-1196
มูลนิธิปวีณาฯ pavenafoundation.or.th โทร 0-2577-0500-1 , 0-2577-0496-8
มูลนิธิผู้หญิง womenthai.org โทร 0-2433-5149 , 0-2434-6774
สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี (บ้านพักฉุกเฉิน) apsw-thailand.org/socialworker_TH.htm โทร 0-2929-2301-5
มูลนิธิมิตรมวลเด็ก 0-2245-9904, 0-2245-8072
ศูนย์ประชาบดี call1300.net โทร 1300
นอกจากนี้ อีกคำถามที่คุณพ่อคุณแม่อดกังวลใจไม่ได้ ก็คือ หากลูกของเราที่ถูกละเมิดทางเพศยังเด็กอยู่มาก เขาจะจำความได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แล้วจะเกิดผลกระทบอะไรต่อลูกในอนาคตบ้างหรือไม่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้มีข้อมูลที่น่าสนใจในหนังสือคู่มือ อาสาสมัครพิทักษ์สิทธิเด็กทางเพศ โดยองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมูลนิธิมิตรมวลเด็ก และศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก มูลนิธิเด็ก 2537 จัดทำขึ้น โดยอธิบายว่า เด็กที่ถูกละเมิดทางเพศจะได้รับผลกระทบมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับบุคลิกของเด็ก และประเภทของการถูกกระทำ โดยแบ่งเป็น
1. กรณีที่ไม่รุนแรง เช่น การให้เด็กดูอวัยวะเพศ ใช้คำพูดลามกเล้าโลม กรณีนี้ อาจทำให้เด็กมีปัญหาด้านอารมณ์ และจิตใจชั่วครั้งชั่วคราว ได้แก่
อาย กลัว สับสนตกใจง่าย
รู้สึกผิด กระวนกระวาย
กลัวถูกรังเกียจ
ระแวงผู้ใหญ่และคนแปลกหน้า
สนใจเรื่องเพศผิดปกติ หรือชอบจับคลำอวัยวะเพศของผู้อื่น
2. กรณีรุนแรง คือผู้ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กเป็นพ่อ แม่ ญาติใกล้ชิด หรือเด็กถูกกระทำโดยวิธีรุนแรง อาจมีผลต่อเด็กด้านต่าง ๆ คือ
2.1 ด้านร่างกาย ทำให้ร่างกายของเด็กมีบาดแผล ฟกช้ำ เนื่องจากการถูกทำร้าย หรือมีปัญหาโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การตั้งครรภ์
2.2 ด้านอารมณ์
ทำให้เด็กฝันร้าย ซึมเศร้า กังวล กรีดร้อง หรือพยายามทำร้ายตัวเอง หรือฆ่าตัวตาย
หวาดกลัวผู้ล่วงเกินทางเพศ หรือผู้ที่มีลักษณะคล้ายผู้ล่วงเกิน หรือบางกรณีก็อาจคลอเคลียกับบุคคลดังกล่าวนี้มากผิดปกติ
2.3 ด้านพฤติกรรม
เด็กอาจมีอาการซึมเศร้า ผลการเรียนแย่ลง ก้าวร้าว หนีออกจากบ้าน
ไม่สามารถควบคุมระบบขับถ่าย หรือหวนกลับไปสู่พฤติกรรมต่ำกว่าวัยของตนอย่างกระทันหัน
อาจหันไปพึ่งเสพยาเสพติด
สำเร็จความใคร่ด้วยตนเองบ่อยผิดปกติ
ยั่วยวน หรือสำส่อนทางเพศ
อย่างไรก็ตาม อาการต่าง ๆ ซึ่งเกิดจากผลกระทบที่เด็กได้รับเหล่านี้ อาจเกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์ล่วงละเมิดไปแล้วหลายปี ทำให้บางครั้งนานจนดูเหมือนว่า เหตุการณ์นั้นไม่น่าจะมีผลอะไรต่อเด็ก แต่จริง ๆ แล้ว เรื่องราวต่าง ๆ ยังฝังอยู่ในใจของเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองต้องหมั่นเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของลูกอยู่เสมอ เพราะลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้อาจเกิดขึ้น เมื่อลูกย่างเข้าสู่วัยรุ่น หรือเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ได้
เช่นนั้นแล้ว หากลูกของคุณพ่อคุณแม่คนใด เกิดโชคร้ายเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นเอาใจใส่ ปลอบใจ และดูแลสภาพจิตใจของลูกให้ดีที่ดีสุด และที่สำคัญควรจะแจ้งความ เอาผิดผู้กระทำผิดทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้เด็กคนแล้วคนเล่าต้องตกเป็นเหยื่อของใครอีก
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
- โรงพยาบาลกรุงเทพ
- ศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก มูลนิธิเด็ก