ลูกเราเป็น โรคสมาธิสั้น หรือ ไฮเปอร์ หรือเปล่านะ?

baby

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


             ลูกของฉันอยู่ไม่นิ่งเลย ชอบวอกแวกไป ๆ มา ๆ พูดอะไรก็ไม่ค่อยฟัง แบบนี้จะเป็นโรค สมาธิสั้น หรือเปล่านะ?" คำถามนี้คงเป็นคำถามคาใจของพ่อแม่หลาย ๆ คน วันนี้กระปุกดอทคอมมีเรื่องราวของ โรคสมาธิสั้น หรือ ไฮเปอร์ มาเฉลยค่ะ

มารู้จัก โรคสมาธิสั้น กัน

             โรคสมาธิสั้น หรือ กลุ่มอาการเด็กสมาธิสั้น (ADHD-Attention Deficit Hyperactivity Disordes) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก อายุก่อน 7 ปี และพบในเด็กผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ในต่างประเทศพบว่ามีเด็กประมาณร้อยละ 3-5 เป็น โรคสมาธิสั้น ในบ้านเรานิยมเรียก เด็กสมาธิสั้น ว่า เด็กไฮเปอร์

             โดยอาการ โรคสมาธิสั้น นี้ หากเป็นแล้วจะมีผลกระทบต่อพฤติกรรม อารมณ์ การเรียน รวมทั้งการเข้าสังคม เพราะ โรคสมาธิสั้น จะทำให้ขาดสมาธิ ขาดความสามารถในการควบคุมตัวเอง และมีอาการซน

สาเหตุของ โรคสมาธิสั้น

             ยังไม่ทราบสาเหตุชัดว่า อะไรที่ทำให้เกิดโรคสมาธิสั้น แต่ที่แน่ชัด คือเกิดจากหลาย ๆ สาเหตุด้วยกัน ที่พอสรุปได้คือ

         1. พันธุกรรม

         2. สารสื่อประสาท

         3. การทำงานผิดปกติของสมองส่วน frontal lobe

         4. สมองถูกกระทบกระเทือน

         5. ภาวะตื่นตัวของระบบประสาทผิดปกติ

         6. การไหลเวียนของโลหิตในสมองผิดปกติ

         7. คลื่นไฟฟ้าสมองผิดปกติ

         8. ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์

         9. ปัจจัยทางจิตสังคม

         10. ปัจจัยด้านอื่น ๆ

สังเกตว่าลูกเป็น โรคสมาธิสั้น ได้อย่างไร

             วิธีสังเกตว่า ลูกเป็น เด็กสมาธิสั้น สามารถสังเกตจากลักษณะอาการเด่น 3 ประการดังต่อไปนี้

         1.มีอาการขาดสมาธิ (Attention Deficit) คือมีอาการดังนี้

             ไม่มีสมาธิในการทำงาน การเรียน หรือเล่น

             ไม่ค่อยสนใจฟัง หรือตั้งใจฟังเวลาใครพูดด้วย

             ทำงานที่พ่อแม่ หรือครูไม่สำเร็จ

             ทำงานผิดพลาดบ่อย เก็บรายละเอียดไม่ได้

             ชอบวอกแวกไปมา วอกแวกง่าย แค่มีสิ่งเร้าเพียงเล็กน้อย เช่น กิ่งไม้หล่น เสียงของตกพื้น ก็ทำให้เด็กเสียสมาธิได้แล้ว

             มักขี้ลืมบ่อย ๆ

             มีปัญหาเมื่อต้องทำงานที่ต้องใช้ความคิด หรือสมาธิ

             มักทำของใช้ส่วนตัวเสียหายอยู่บ่อย ๆ

             มีอาการเหม่อลอยบ่อย ๆ นั่งนิ่ง ๆ เป็นเวลานาน

          2. การซน (Hyperactivity)

             เด็กสมาธิสั้น มักจะมีอาการซนมากกว่าเด็กปกติ โดย

             มักจะไม่อยู่นิ่ง อยู่ไม่เป็นสุขตลอดเวลา เคลื่อนไหวตลอดเวลา

             มักนั่งบิดตัว หรือบิดมือบิดเท้าไปมา

             นั่งไม่ติดที่ ชอบลุกเดินบ่อย ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือห้องเรียน

             ชอบวิ่งไปมา ปีนป่ายสิ่งต่าง ๆ

             พูดมาก พูดไม่หยุด

             ไม่สามารถเล่นแบบเงียบ ๆ ได้

         3.การขาดความสามารถในการควบคุมตนเอง (Impulsivity) โดยเด็กจะมีอาการดังนี้

             หุนหันพลันแล่น

             ตื่นตัว ตื่นเต้นง่ายตลอดเวลา

             ชอบพูดโพล่งเวลาพ่อแม่หรือครูถามยังไม่จบ

             ชอบขัดจังหวะ แทรกเวลาผู้อื่นกำลังพูดอยู่

             รอคอยไม่เป็น รอคอยต่อแถวไม่ได้

             หากเด็กมีลักษณะในข้อ 1 และข้อ 2 รวมกันมากกว่า 6 ข้อ มีความเป็นไปได้สูงว่า เด็กจะเป็น โรคสมาธิสั้น ทั้งนี้เด็กอาจมีอาการครบทั้ง 3 กลุ่ม หรืออาจมีเฉพาะบางอาการก็ได้

สามารถตรวจวินิจฉัยว่าเป็น โรคสมาธิสั้น ได้ที่ไหนบ้าง

             พ่อแม่ควรพาเด็กที่มีอาการเข้าข่าย โรคสมาธิสั้น ไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจยืนยันว่าเด็กเป็น โรคสมาธิสั้น จริงหรือไม่ โดยสามารถรับการตรวจได้ที่โรงพยาบาลของรัฐ เช่น โรงพยาบาลจุฬาฯ, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลพระมงกุฎ, โรงพยาบาลภูมิพล, วชิระพยาบาล รวมทั้งโรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา,โรงพยาบาลศรีธัญญา, โรงพยาบาลประสาทไวทโยปถัมภ์

หากเด็กสมาธิสั้น ไม่ได้รับการดูแลจะเป็นอย่างไร

             เด็กสมาธิสั้น ที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ในวัยเด็ก โตขึ้นจะเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง โดยแยกเป็น 2 ประเภท คือ

             กลุ่มที่เปลี่ยนเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว ต่อต้านสังคม

             กลุ่มที่ไม่กล้า กลัว ซึมเศร้า หงอยเหงา คนกลุ่มนี้เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายอย่างมาก

การรักษา โรคสมาธิสั้น

             เด็กสมาธิสั้น สามารถรักษาได้ด้วยการผสมผสานแต่ละวิธีรักษา ดังนี้

         1. การรักษาทางยา (Pharmaco therapy)

             ยาจะช่วยให้ เด็กสมาธิสั้น มีสมาธิดีขึ้น ดูสงบมากขึ้น ซนน้อยลง และควบคุมตัวเองได้มากขึ้น ทั้งนี้ ยารักษาสมาธิสั้นเป็นยาที่ปลอดภัย มีผลข้างเคียงน้อย และมีประสิทธิภาพมาก หาก เด็กสมาธิสั้น ได้รับการรักษา โรคสมาธิสั้น อย่างถูกวิธี เด็กจะรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง และมีความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง รวมทั้งการเข้าสังคมดีขึ้น

         2. ความรักษาทางจิตใจ หรือพฤติกรรมบำบัด (Behavior therapy)

             พ่อแม่ผู้ปกครองและครู สามารถช่วยรักษา เด็กสมาธิสั้น ได้มาก โดยจะต้องเรียนรู้วิธีจัดการพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเด็ก โดยที่ไม่ควรใช้การลงโทษ เพราะเป็นวิธีที่ไม่ได้ผล และเด็กจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากขึ้น

             วิธีรักษา โรคสมาธิสั้น ที่ดีคือการให้คำชมเชย หรือให้รางวัล เมื่อเด็กทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือให้มีการสะสมคะแนนแลกของรางวัล จะเป็นการควบคุมพฤติกรรมของเด็กได้ ถ้าหากเด็กทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ก็ให้งดกิจกรรมที่เด็กชอบ หรือตัดสิทธิ์อื่น ๆ เช่น ไม่ให้ดูโทรทัศน์ ไม่ให้เล่นเกม ตัดคะแนน เป็นต้น

         3. การรักษาทางการศึกษา (Education therapy)  (Education therapy)

             เด็กสมาธิสั้น มักมีปัญหาการเรียน เพราะไม่มีสมาธินานพอที่จะตั้งใจเรียน ครูจึงเป็นคนสำคัญที่จะช่วยเหลือเด็กให้มีสมาธิการเรียนดีขึ้น

             นอกจากนี้ยังควรจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการรักษา โรคสมาธิสั้น ด้วย คือ

             จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม โดยไม่ให้มีสิ่งเร้ารบกวนเด็กมาเกินไป จัดบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ข้าวของไม่เกะกะ พยายามไม่ให้มีบรรยากาศวุ่นวายสับสน เสียงดัง จนเด็กรวบรวมสมาธิไม่ได้ รวมทั้งหากจะพาไปเที่ยวก็ไม่ควรพาไปในที่ที่วุ่นวาย

             ช่วยเสริมสร้างวินัยในตัวเด็ก เช่น การจัดระเบียบชีวิตประจำวัน ให้มีตารางเวลา ตารางงาน โดยต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้เด็กปรับตัวได้

             หากิจกรรมช่วยเสริมทักษะด้านอื่น ๆ เช่น การเรียนดนตรี การเรียนศิลปะ การอ่านหนังสือ กีฬา หลีกเลี่ยงเกมส์ กีฬา หรือกิจกรรมที่มีความรุนแรงเพราะจะกลับกลายไปกระตุ้นอาการสมาธิสั้น ทำให้อาการแย่ลงไปอีก

เด็กสมาธิสั้น มีโอกาสหายเป็นปกติหรือไม่?

             เด็กสมาธิสั้น ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นจะหายจาก โรคสมาธิสั้น และใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยไม่ต้องทานยา แต่เด็กบางคนอาจจะยังมีความบกพร่องของสมาธิอยู่ระดับหนึ่ง ซนน้อยลง ปรับตัวเข้ากับงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้สมาธิมากนักได้ ขณะที่เด็กบางคนยังมีอาการของ โรคสมาธิสั้น อยู่ ซึ่งทำให้มีปัญหาในการเข้าสังคม จึงต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

             อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในการรักษา เด็กสมาธิสั้น คือ พ่อแม่ผู้ปกครองต้องมีความเข้าใจและอดทน รู้จักวิธีการรักษาและบำบัดเด็กสมาธิสั้นอย่างถูกวิธี จึงจะทำให้เด็กสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของคนทั่วไป และเข้าสังคมได้ในที่สุด

เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ






เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ลูกเราเป็น โรคสมาธิสั้น หรือ ไฮเปอร์ หรือเปล่านะ? อัปเดตล่าสุด 22 มีนาคม 2553 เวลา 15:07:32
TOP
x close