สร้างสุข 10 กิจกรรมช่วงตั้งท้อง (Mother & Care)
ในช่วงที่ตั้งท้องคุณแม่สามารถตั้งท้องอย่างมีความสุขได้ค่ะ เพราะคนท้องไม่ใช่คนป่วย คุณแม่จึงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเพียงแต่ต้องดูแลตัวเองมากขึ้นเท่านั้นเองค่ะ
ลองมาดูว่า 10 กิจกรรมที่คุณแม่ทำแล้วจะ Happy สุดๆ ในช่วงตั้งท้อง พร้อมๆ กับสุขภาพที่แข็งแรงทั้งแม่และลูกมีอะไรบ้าง
1. ไปฝากครรภ์
การฝากครรภ์ ถือเป็นกิจกรรมที่คุณแม่ทุกคนต้องทำ ซึ่งช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล เพราะคุณหมอจะช่วยดูแลอย่างใกล้ชิดและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพไปพร้อม ๆ กับการดูแลลูกในท้อง และทำให้คุณแม่ Happy สุดๆ เมื่อได้รับรู้ความเป็นไปของลูกน้อยในท้องที่เติบโตขึ้นทุกวัน
2. เลือกซื้อหรือเตรียมของใช้ให้ลูก
การเลือกซื้อหรือเตรียมของใช้ให้ลูก เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่ลูกจะเกิด คุณแม่อาจจะเลือกซื้อผ้าอ้อม เสื้อผ้าเด็ก ขวดนม เตียงนอน หรือของใช้ที่จำเป็นอื่นๆ ไว้ล่วงหน้า เพื่อไม่ให้ฉุกละหุกเมื่อคลอดลูกแล้ว การได้เลือกซื้อของ จัดเตรียมของ และตกแต่งห้อง ก็จะทำให้คุณแม่ Happy กับการจินตนาการถึงลูกน้อยในท้อง และสนุกกับการเลือกสิ่งของชิ้นเล็กที่ดูน่ารักให้กับลูกน้อยด้วย
Tip : เพื่อเป็นการประหยัด คุณแม่อาจขอของใช้ เช่น เสื้อผ้า เตียงนอน รถเข็นเด็ก ต่อจากเพื่อนหรือญาติที่มีลูกแล้ว หรืออาจใช้ของลูกคนก่อนก็ได้เพราะเด็กโตเร็ว ถ้าซื้อใหม่ทั้งหมดทำให้สิ้นเปลือง
3. คุยกับลูกในท้อง
คุณแม่สามารถคุยกับลูกในท้องหรือให้ลูกฟังเพลงได้ โดยวางหูฟังแบบครอบหูไว้ที่หน้าท้อง ซึ่งเป็นการสานสัมพันธ์ของคุณแม่กับลูกไปในตัว ทั้งนี้ คุณแม่ต้องระวังไม่เปิดเพลงเสียงดังจนเกินไป และอาจร้องเพลงง่ายๆ ให้ลูกฟัง เช่น เพลงกล่อมเด็ก เมื่อลูกได้ฟังแล้วลูกอาจจะส่งสัญญาณตอบกลับคุณแม่ด้วยการดิ้นตอบ และเมื่อคลอดออกมาแล้วก็จะทำให้ลูกคุ้นเคยกับเสียงของคุณแม่และรู้สึกผูกพันกับคุณแม่
4. อ่านหนังสือ
การอ่านหนังสือจะทำให้คุณแม่มีสมาธิจดจ่อกับสิงที่อ่าน ไม่คิดหรือกังวลเรื่องอื่น โดยหนังสือที่คุณแม่ท้องมักจะอ่านคือ หนังสือที่เป็นคู่มือตั้งครรภ์ การอ่านหนังสือประเภทนี้จะช่วยให้คุณแม่รู้วิธีดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้น เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดในช่วงตั้งครรภ์ และนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม นอกจากหนังสือประเภทตามชอบ แต่ไม่ควรเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาหนักๆ ควรเป็นหนังสือที่อ่านแล้วสบายใจและเบาสมอง ก็จะช่วยให้คุณแม่ Happy ยิ่งขึ้นค่ะ
5. ออกกำลังกายเบาๆ
คุณแม่ท้องก็สามารถออกกำลังกายโดยไม่เป็นอันตรายต่อลูกในท้อง ในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 ซึ่งการออกกำลังกายสามารถทำได้ง่ายๆ เช่น การเดินเล่นรอบบ้าน หมุนข้อมือ-ข้อเท้า หมุนคอและไหล่ ว่ายน้ำ เป็นต้น การออกกำลังกายจะช่วยผ่อนคลายความเครียด ร่างกายแข็งแรง และป้องกันความหย่อนยานของกล้ามเนื้อได้ แต่คุณแม่ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆหรือหักโหมจนเกินไป และคำนึงถึงความปลอดภัยทุกครั้ง เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 คุณแม่ควรพักผ่อนให้มากและงดออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก ควรเดินเล่นรอบบ้านเป็นการออกกำลังกายแทน
6. เสริมสวยอย่างปลอดภัย
คุณแม่ท้องก็สามารถ Happy กับการแต่งหน้าและทำผมในช่วงตั้งท้องได้ สิ่งที่คุณแม่ต้องคำนึงถึงคือ การใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ควรเลือกใช้ที่สกัดจากธรรมชาติแทนการใช้ผลิตภัณฑ์จากสารเคมี เพราะในเครื่องสำอางมักจะมีกรดวิตามิน A เป็นส่วนผสมอยู่มาก ถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้เป็นอันตรายต่อลูกในท้องได้ สำหรับการย้อมผมควรเลือกใช้น้ำยาย้อมผมที่ทำจากสารสกัดธรรมชาติแทน หรือหากผมร่วงจนบาง การซอยผมสั้นก็จะช่วยให้คุณแม่ดูดีขึ้นและไม่ต้องกังวลกับการดูแลรักษา
7. กินตามใจปาก
การกินตามใจปาก ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่จะกินจนอ้วน แต่หากคุณแม่อยากกินอะไรในช่วงท้องก็ให้กินตามที่อยากกินได้ โดยที่คุณแม่จะต้องกินแต่พอประมาณเพื่อให้หายอยากเท่านั้น ถ้ากินเพลินหรือกินมากเกินไปก็ไม่ดีแน่ค่ะ เช่น หากคุณแม่อยากกินน้ำอัดลม หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่มัวกังวลว่าจะเป็นอันตรายต่อลูกหรือเปล่า ซึ่งถือว่าเป็นการระวังไว้ก่อนที่ดี แต่ถ้าคุณแม่ไม่อาจตัดใจให้หายอยากกินได้ ก็ให้จิบหรือกินเพียงแค่ 2-3 คำ ให้พอหายอยาก ไม่กินบ่อยๆ ทุกมื้อหรือทุกวัน ก็ทำให้คุณแม่ Happy กับการกินได้แล้ว
8. ท่องเที่ยว
คุณแม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวอย่าง Happy และปลอดภัยได้ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของการตั้งท้อง สิ่งที่คุณแม่ต้องนำติดตัวไปทุกครั้งเมื่อเดินทางคือ ใบรับรองแพทย์ ยาประจำตัว บันทึกย่อเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และรองเท้าที่สวมใส่สบาย ทั้งนี้ คุณแม่จะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเดินทาง ไม่ไปในที่อันตรายมากจนเกินไปและพักผ่อนให้เพียงพอในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว
9. สวดมนต์และทำสมาธิ
การสวดมนต์และทำสมาธิจะช่วยให้ผ่อนคลายความกังวลในการตั้งท้อง ซึ่งอาจจะฝึกการกำหนดลมหายใจเข้า-ออกด้วย ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการคลอดลูกทำให้มีสติและสามารถกำหนดจังหวะในการหายใจในระหว่างคลอดลูกได้
10. อบรมการตั้งครรภ์หรือการเลี้ยงลูก
การเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการตั้งครรภ์จะช่วยให้คุณแม่ได้รับความรู้เพิ่มเติมในการดูแลตัวเอง ซึ่งงานเหล่านี้มักจัดตามโรงพยาบาลต่างๆ และมีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำในการดูแลครรภ์และการเลี้ยงเด็ก นอกจากนี้ การเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้จะได้แลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับการตั้งท้องกับคุณแม่ท่านอื่นๆ และมีเพื่อนเพิ่มขึ้นด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก