วันเด็ก 2563 ใกล้จะมาถึงแล้ว คุณพ่อคุณแม่หลายคนน่าจะกำลังวางแผนพาลูกน้อยไปเที่ยวงานวันเด็กอยู่ แต่จะมีวิธีการเตรียมตัวเที่ยวอย่างไรให้สนุก ปลอดภัย หายห่วง มาเช็กความพร้อมกัน
ปีใหม่ผ่านพ้นไปแล้ว เทศกาลต่อไปที่จะสร้างรอยยิ้มและความสุขให้กับครอบครัวก็คือ "วันเด็กแห่งชาติ" ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมในทุกปี นาทีนี้เชื่อว่าเด็ก ๆ ต่างก็ตั้งตารอคอยว่าคุณพ่อคุณแม่จะพาไปเที่ยวงานวันเด็กที่ไหน หรือจะมีกิจกรรมพิเศษอะไรให้ทำบ้างไหมนะ ?
แน่นอนว่าวันเด็กปีนี้ หน่วยงานราชการ รวมถึงสถานที่ต่าง ๆ ก็เตรียมยกขบวนกิจกรรมมาไว้ให้ร่วมเดินทางไปเที่ยวกันมากมาย แต่ในสถานที่ที่คนแน่นขนัด ก็มักจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ เพื่อไม่ให้การเที่ยวงานวันเด็กหมดสนุก เรามาดูกันดีกว่าว่าจะเตรียมตัวพาลูกเที่ยวอย่างไรให้มีความสุข ปลอดภัยทั้งครอบครัว
10 วิธีเตรียมตัวพาลูกเที่ยวงานวันเด็ก
ก่อนที่จะได้พาลูก ๆ ไปสนุกสนานกับกิจกรรมที่น่าสนใจในเทศกาลวันเด็ก เรามาเตรียมความพร้อมกันก่อนเลย
1. เลือกสถานที่ให้เหมาะกับวัยของลูก
สถานที่แต่ละแห่งล้วนมีกิจกรรมที่แตกต่างกัน คุณพ่อคุณแม่ต้องดูวัยของลูกเป็นหลักว่าเหมาะกับกิจกรรมนั้น ๆ หรือไม่ รวมถึงเรื่องความปลอดภัย และสุขอนามัยด้วย เพราะบางสถานที่อาจไม่เหมาะกับเด็กเล็ก หรือบางแห่งก็ค่อนข้างจอแจ คนเยอะ ลูกของเราอาจไม่สบายตัว งอแง จนทำให้หมดสนุกได้
2. เลือกตามความสนใจของลูก
จริงอยู่ที่สถานที่บางแห่งนั้นมีกิจกรรมสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับเด็ก ๆ และดูน่าสนใจมากในสายตาของผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ ไม่ใช่เลือกสถานที่ตามความสนใจของพ่อแม่ หรืออยากให้ลูกไป แต่ควรเลือกไปยังสถานที่ที่ลูกชอบจริง ๆ เช่น ลูกชอบเครื่องบิน ก็ควรพาไปดูเครื่องบินของจริง เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้อย่างมีความสุข
3. ดูแลสุขภาพให้พร้อมก่อนการเดินทาง
สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าต้องไปเที่ยววันเด็กทั้ง ๆ ที่มีอาการป่วยคงไม่ดีแน่ ดังนั้นก่อนเดินทาง คุณพ่อคุณแม่อาจลดความเสี่ยงที่จะป่วยของลูก ด้วยการหลีกเลี่ยงการพาไปสถานที่ชุมชน คนเยอะ หรือหากมีสมาชิกคนใดในบ้านเจ็บป่วยก็ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำว่าสามารถเดินทางไปเที่ยวได้หรือไม่ และควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง
4. เตรียมตัวให้พร้อม
คืนก่อนไปเที่ยวงานวันเด็ก ควรให้ลูกนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงจัดการเตรียมเสบียงอาหาร เครื่องดื่ม ขนมสำหรับลูก ๆ ไปให้พร้อม ถ้าจะให้ดีควรมีกระดาษทิชชู่ และของใช้จำเป็นติดไปด้วย เพราะสถานที่ที่ไปนั้น นอกจากจะต้องเจอกับผู้คนมากมายแล้ว ยังอาจต้องต่อคิวซื้ออาหารหรือเข้าห้องน้ำอีกต่างหาก ถ้าลูกต้องทนหิวนาน ๆ คงไม่ไหวแน่
5. เช็กสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศ
ควรเช็กด้วยว่าสถานที่ที่จะไปนั้นมีสภาพอากาศเป็นอย่างไร เพื่อจะได้เที่ยวในวันเด็กอย่างมีความสุข เช่น ถ้าเดินทางไปที่ที่มีอากาศเย็นก็ควรเตรียมเสื้อผ้าปกคลุมร่างกายของลูกให้อบอุ่นเพียงพอ ถ้าร้อนจัดก็ควรเลือกเสื้อที่โปร่งสบาย ไม่อึดอัดจนเกินไป เพราะเมื่อเหงื่อออก ลูกอาจมีผื่นคันตามตัวได้ หรือถ้าเป็นทุ่งหญ้าป่าเขา ก็ต้องระวังเรื่องแมลงสัตว์กัดต่อยด้วย
6. ทำการบ้านสักนิด ก่อนพาลูกไปเที่ยวสถานที่นั้น ๆ
ไม่ว่าจะเลือกไปเที่ยววันเด็กในสถานที่ไหน ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทางด้วยพาหนะอะไรดี ใช้เส้นทางไหน เปิด-ปิดกี่โมง ตารางเวลาเป็นอย่างไร มีกิจกรรมอะไรบ้าง ควรเริ่มจากจุดไหนไปจุดไหน เพราะมีหลายครอบครัวที่ไปโดยไม่เตรียมตัว ทำให้ไม่รู้ว่าต้องเริ่มที่ไหนอย่างไรบ้าง ยิ่งบางสถานที่อาจมีกิจกรรมที่ทำเป็นรอบ ๆ ก็อาจจะทำให้เสียโอกาสหรือหมดสนุกไปเลยก็ได้ ถ้าลูกพลาดอะไรไป อาจต้องรอไปอีกปีเลยนะ !
7. ลองเลือกทำกิจกรรมวันเด็กที่อยู่ใกล้บ้าน
การเที่ยววันเด็กในละแวกบ้านเป็นทางเลือกที่ไม่เลว เพราะถ้าเรามุ่งเน้นเดินทางไปเฉพาะสถานที่ดัง ๆ ที่คนนิยมพาลูกไป ก็จะต้องพบกับผู้คนจำนวนมาก และการจราจรที่ติดขัด อาจทำให้บรรยากาศที่เตรียมไว้สำหรับความสนุกสนานหมดไปได้ ลองเลือกเป็นกิจกรรมงานวันเด็กในหมู่บ้าน หรือห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านดูก็ดีเหมือนกัน
8. ตกลงกับลูกเรื่องของขวัญวันเด็ก
เด็ก ๆ บางคนอาจคาดหวังกับของขวัญวันเด็ก ถ้าทางครอบครัวตั้งใจว่าจะให้หรือไม่ให้ของขวัญอะไร ประเภทไหนบ้าง ก็ควรทำความเข้าใจและตกลงเบื้องต้นกันก่อน จะได้ไม่ต้องไปรบกันนอกบ้านให้เหนื่อยใจ
9. สอนลูกเรื่องการรับของแจกจากผู้อื่น
เทศกาลวันเด็กส่วนใหญ่มักจะมีการแจกของให้เด็ก ๆ อยู่แล้ว ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกในเรื่องมารยาทการรับของจากผู้ใหญ่ ทั้งการยกมือไหว้ พูดขอบคุณ และการเลือกรับของที่มีประโยชน์ ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมนึกถึงเด็กคนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้รับของด้วย รวมถึงการรู้จักเข้าคิวเพื่อรับของแจก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นทักษะที่ลูก ๆ จะสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันต่อไปด้วย
10. เตรียมตัวเผื่อพลัดหลง
ในทุก ๆ ปี เหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นในวันเด็กก็คือการพลัดหลงกันระหว่างเด็กและผู้ปกครอง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรเตรียมตัวเผื่อการพลัดลง เริ่มจากสอนลูกว่าหากพลัดหลง หาพ่อแม่ไม่เจอ ให้ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ โดยควรแนะนำว่าเจ้าหน้าที่ในงานจะแต่งกายแบบไหน ในส่วนของพ่อแม่เองก็ควรทำบัตรที่ระบุชื่อผู้ปกครอง พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงของลูก เพื่อความสะดวกในการนำเด็กมาส่งในกรณีพลัดหลง ทั้งนี้ควรจดจำข้อมูลของลูก รูปพรรณ น้ำหนัก ส่วนสูง ตำหนิ เสื้อผ้าที่ใส่ และควรถ่ายภาพลูกก่อนออกจากบ้านในชุดที่สวมใส่ในวันที่พาไปเที่ยววันเด็กด้วย
Tips : ป้องกันเด็กหลง
เคล็ดลับหนึ่งที่จะช่วยป้องกันเด็กหลงได้ง่าย ๆ ก็คือการจูงมือลูก ไม่ให้คลาดสายตา ถ้าลูกดื้อสะบัดมือ ให้แกล้งบอกลูกว่าช่วยจูงมือแม่ไป เดี๋ยวแม่หลง จะช่วยสร้างความเป็นผู้นำให้ลูก ซึ่งส่วนใหญ่เด็กจะไม่ปล่อยมือและพาเดินไปด้วยกันตลอดงานอีกด้วย
ถ้าไม่อยากให้ลูกหมดสนุกในวันของเขา ผู้ปกครองต้องะมีความพร้อมดูแลบุตรหลานให้ดี รับรองว่าวันเด็กปีนี้จะมีแต่รอยยิ้ม แต่ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวไหนก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ เพราะความรักความเอาใจใส่ที่พ่อแม่มีให้ลูก ๆ และการอยู่ด้วยกันกับเขาในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ไหน ก็ทำให้ลูก ๆ ก็มีความสุขแล้วล่ะ
ข้อมูลจาก : rakluke.com, มูลนิธิกระจกเงา
แน่นอนว่าวันเด็กปีนี้ หน่วยงานราชการ รวมถึงสถานที่ต่าง ๆ ก็เตรียมยกขบวนกิจกรรมมาไว้ให้ร่วมเดินทางไปเที่ยวกันมากมาย แต่ในสถานที่ที่คนแน่นขนัด ก็มักจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ เพื่อไม่ให้การเที่ยวงานวันเด็กหมดสนุก เรามาดูกันดีกว่าว่าจะเตรียมตัวพาลูกเที่ยวอย่างไรให้มีความสุข ปลอดภัยทั้งครอบครัว
10 วิธีเตรียมตัวพาลูกเที่ยวงานวันเด็ก
ก่อนที่จะได้พาลูก ๆ ไปสนุกสนานกับกิจกรรมที่น่าสนใจในเทศกาลวันเด็ก เรามาเตรียมความพร้อมกันก่อนเลย
1. เลือกสถานที่ให้เหมาะกับวัยของลูก
สถานที่แต่ละแห่งล้วนมีกิจกรรมที่แตกต่างกัน คุณพ่อคุณแม่ต้องดูวัยของลูกเป็นหลักว่าเหมาะกับกิจกรรมนั้น ๆ หรือไม่ รวมถึงเรื่องความปลอดภัย และสุขอนามัยด้วย เพราะบางสถานที่อาจไม่เหมาะกับเด็กเล็ก หรือบางแห่งก็ค่อนข้างจอแจ คนเยอะ ลูกของเราอาจไม่สบายตัว งอแง จนทำให้หมดสนุกได้
2. เลือกตามความสนใจของลูก
จริงอยู่ที่สถานที่บางแห่งนั้นมีกิจกรรมสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับเด็ก ๆ และดูน่าสนใจมากในสายตาของผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ ไม่ใช่เลือกสถานที่ตามความสนใจของพ่อแม่ หรืออยากให้ลูกไป แต่ควรเลือกไปยังสถานที่ที่ลูกชอบจริง ๆ เช่น ลูกชอบเครื่องบิน ก็ควรพาไปดูเครื่องบินของจริง เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้อย่างมีความสุข
สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าต้องไปเที่ยววันเด็กทั้ง ๆ ที่มีอาการป่วยคงไม่ดีแน่ ดังนั้นก่อนเดินทาง คุณพ่อคุณแม่อาจลดความเสี่ยงที่จะป่วยของลูก ด้วยการหลีกเลี่ยงการพาไปสถานที่ชุมชน คนเยอะ หรือหากมีสมาชิกคนใดในบ้านเจ็บป่วยก็ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำว่าสามารถเดินทางไปเที่ยวได้หรือไม่ และควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง
4. เตรียมตัวให้พร้อม
คืนก่อนไปเที่ยวงานวันเด็ก ควรให้ลูกนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงจัดการเตรียมเสบียงอาหาร เครื่องดื่ม ขนมสำหรับลูก ๆ ไปให้พร้อม ถ้าจะให้ดีควรมีกระดาษทิชชู่ และของใช้จำเป็นติดไปด้วย เพราะสถานที่ที่ไปนั้น นอกจากจะต้องเจอกับผู้คนมากมายแล้ว ยังอาจต้องต่อคิวซื้ออาหารหรือเข้าห้องน้ำอีกต่างหาก ถ้าลูกต้องทนหิวนาน ๆ คงไม่ไหวแน่
ควรเช็กด้วยว่าสถานที่ที่จะไปนั้นมีสภาพอากาศเป็นอย่างไร เพื่อจะได้เที่ยวในวันเด็กอย่างมีความสุข เช่น ถ้าเดินทางไปที่ที่มีอากาศเย็นก็ควรเตรียมเสื้อผ้าปกคลุมร่างกายของลูกให้อบอุ่นเพียงพอ ถ้าร้อนจัดก็ควรเลือกเสื้อที่โปร่งสบาย ไม่อึดอัดจนเกินไป เพราะเมื่อเหงื่อออก ลูกอาจมีผื่นคันตามตัวได้ หรือถ้าเป็นทุ่งหญ้าป่าเขา ก็ต้องระวังเรื่องแมลงสัตว์กัดต่อยด้วย
ไม่ว่าจะเลือกไปเที่ยววันเด็กในสถานที่ไหน ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทางด้วยพาหนะอะไรดี ใช้เส้นทางไหน เปิด-ปิดกี่โมง ตารางเวลาเป็นอย่างไร มีกิจกรรมอะไรบ้าง ควรเริ่มจากจุดไหนไปจุดไหน เพราะมีหลายครอบครัวที่ไปโดยไม่เตรียมตัว ทำให้ไม่รู้ว่าต้องเริ่มที่ไหนอย่างไรบ้าง ยิ่งบางสถานที่อาจมีกิจกรรมที่ทำเป็นรอบ ๆ ก็อาจจะทำให้เสียโอกาสหรือหมดสนุกไปเลยก็ได้ ถ้าลูกพลาดอะไรไป อาจต้องรอไปอีกปีเลยนะ !
7. ลองเลือกทำกิจกรรมวันเด็กที่อยู่ใกล้บ้าน
การเที่ยววันเด็กในละแวกบ้านเป็นทางเลือกที่ไม่เลว เพราะถ้าเรามุ่งเน้นเดินทางไปเฉพาะสถานที่ดัง ๆ ที่คนนิยมพาลูกไป ก็จะต้องพบกับผู้คนจำนวนมาก และการจราจรที่ติดขัด อาจทำให้บรรยากาศที่เตรียมไว้สำหรับความสนุกสนานหมดไปได้ ลองเลือกเป็นกิจกรรมงานวันเด็กในหมู่บ้าน หรือห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านดูก็ดีเหมือนกัน
เด็ก ๆ บางคนอาจคาดหวังกับของขวัญวันเด็ก ถ้าทางครอบครัวตั้งใจว่าจะให้หรือไม่ให้ของขวัญอะไร ประเภทไหนบ้าง ก็ควรทำความเข้าใจและตกลงเบื้องต้นกันก่อน จะได้ไม่ต้องไปรบกันนอกบ้านให้เหนื่อยใจ
9. สอนลูกเรื่องการรับของแจกจากผู้อื่น
เทศกาลวันเด็กส่วนใหญ่มักจะมีการแจกของให้เด็ก ๆ อยู่แล้ว ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกในเรื่องมารยาทการรับของจากผู้ใหญ่ ทั้งการยกมือไหว้ พูดขอบคุณ และการเลือกรับของที่มีประโยชน์ ในขณะเดียวกันก็อย่าลืมนึกถึงเด็กคนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้รับของด้วย รวมถึงการรู้จักเข้าคิวเพื่อรับของแจก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นทักษะที่ลูก ๆ จะสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันต่อไปด้วย
10. เตรียมตัวเผื่อพลัดหลง
ในทุก ๆ ปี เหตุการณ์ที่มักจะเกิดขึ้นในวันเด็กก็คือการพลัดหลงกันระหว่างเด็กและผู้ปกครอง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรเตรียมตัวเผื่อการพลัดลง เริ่มจากสอนลูกว่าหากพลัดหลง หาพ่อแม่ไม่เจอ ให้ไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ โดยควรแนะนำว่าเจ้าหน้าที่ในงานจะแต่งกายแบบไหน ในส่วนของพ่อแม่เองก็ควรทำบัตรที่ระบุชื่อผู้ปกครอง พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงของลูก เพื่อความสะดวกในการนำเด็กมาส่งในกรณีพลัดหลง ทั้งนี้ควรจดจำข้อมูลของลูก รูปพรรณ น้ำหนัก ส่วนสูง ตำหนิ เสื้อผ้าที่ใส่ และควรถ่ายภาพลูกก่อนออกจากบ้านในชุดที่สวมใส่ในวันที่พาไปเที่ยววันเด็กด้วย
เคล็ดลับหนึ่งที่จะช่วยป้องกันเด็กหลงได้ง่าย ๆ ก็คือการจูงมือลูก ไม่ให้คลาดสายตา ถ้าลูกดื้อสะบัดมือ ให้แกล้งบอกลูกว่าช่วยจูงมือแม่ไป เดี๋ยวแม่หลง จะช่วยสร้างความเป็นผู้นำให้ลูก ซึ่งส่วนใหญ่เด็กจะไม่ปล่อยมือและพาเดินไปด้วยกันตลอดงานอีกด้วย
ถ้าไม่อยากให้ลูกหมดสนุกในวันของเขา ผู้ปกครองต้องะมีความพร้อมดูแลบุตรหลานให้ดี รับรองว่าวันเด็กปีนี้จะมีแต่รอยยิ้ม แต่ถ้าไม่ได้ไปเที่ยวไหนก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ เพราะความรักความเอาใจใส่ที่พ่อแม่มีให้ลูก ๆ และการอยู่ด้วยกันกับเขาในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ไหน ก็ทำให้ลูก ๆ ก็มีความสุขแล้วล่ะ
ข้อมูลจาก : rakluke.com, มูลนิธิกระจกเงา