ตั้งครรภ์ไม่พร้อม อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของสังคมไทยและทั่วโลก เมื่อตั้งครรภ์ไม่พร้อมขึ้นมา จะรับมืออย่างไร ตามมาดูทางออกของปัญหานี้กัน
ปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ย่อมส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งต่อตัวเอง ลูกในครรภ์ ครอบครัว ไปจนถึงสังคม ซึ่งผู้หญิงท้องไม่พร้อมส่วนใหญ่ก็มักจะเครียดและไม่เปิดเผยถึงปัญหานี้กับใคร จนกระทั่งเลือกแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการทำแท้งเถื่อน ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย การคลอดแล้วนำไปทิ้งหรือไม่เลี้ยงเอง แต่ที่จริงแล้ว การตั้งครรภ์ไม่พร้อมยังมีทางออกที่ดีกว่านั้น ซึ่งกระปุกดอทคอมรวบรวมวิธีจัดการปัญหาท้องไม่พร้อมอย่างปลอดภัยมาฝากกันแล้ว
ภาวะตั้งครรภ์ไม่พร้อม คืออะไร
ภาวะท้องไม่พร้อม (Unplanned Pregnancy) คือการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยผู้ตั้งครรภ์ไม่ได้วางแผนหรือเตรียมตัวมีบุตรมาก่อน สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะท้องไม่พร้อมคือการไม่คุมกำเนิดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งไม่หาวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งมีหลากหลายวิธี
ทั้งนี้ การคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด ห่วงคุมกำเนิด หรือวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 80-90% ส่วนการคุมกำเนิดถาวรอย่างการทำหมัน สามารถคุมกำเนิดได้มากกว่า 99% อย่างไรก็ตาม ผู้ที่คุมกำเนิดไม่ถูกวิธี เช่น ใช้ถุงยางอนามัยแล้วเกิดรั่ว หรือรับประทานยาคุมกำเนิดไม่สม่ำเสมอ ก็เสี่ยงท้องไม่พร้อมได้ นอกจากนี้ ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น ถูกข่มขืน หรือคู่นอนบังคับให้ร่วมเพศโดยไม่สวมถุงยางอนามัย ก็สามารถประสบภาวะท้องไม่พร้อมได้เช่นกัน
สัญญาณและวิธีตรวจว่าท้องหรือไม่
ผู้หญิงทุกคนสามารถทราบได้ว่าตัวเองตั้งครรภ์หรือไม่ โดยสังเกตจากรอบเดือนที่ขาดไป หรือมีอาการคัดเต้านม เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งเป็นอาการแพ้ท้อง ก็แสดงว่าอาจจะกำลังตั้งครรภ์ โดยอาการแพ้ท้องจะเกิดขึ้นเมื่ออายุครรภ์ได้ 6 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย
แต่ทางที่ดี ควรตรวจครรภ์เพื่อให้ได้ผลการตั้งครรภ์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเราสามารถตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองได้ โดยซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์ที่มีจำหน่ายตามร้านขายยาหรือร้านสะดวกซื้อมาตรวจ ซึ่งมีความแม่นยำมากถึง 90% และสามารถตรวจได้ในผู้ที่ประจำเดือนขาดตั้งแต่วันที่ 10-14 ขึ้นไป แต่ถ้าหากไม่มั่นใจในผลการตรวจ อาจต้องรอประมาณ 1 สัปดาห์และตรวจซ้ำอีกครั้ง หรือไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจครรภ์ได้
ตั้งครรภ์ไม่พร้อม ทำไงดี ? ทางเลือกเพื่อรับมือภาวะท้องไม่พร้อม
เมื่อตรวจแล้วพบว่าตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่อยู่ในภาวะท้องไม่พร้อมอย่าเพิ่งวิตกกังวลจนเกินไป แต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติ นึกถึงผลกระทบในแง่ต่าง ๆ จากนั้นจึงควรปรึกษาคู่รักและครอบครัวของตนให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าจะรับมือกับภาวะที่เกิดขึ้นด้วยตนเองได้ สำหรับทางเลือกของปัญหาท้องไม่พร้อม มี 2 แนวทางหลัก ดังนี้
การตั้งครรภ์ต่อ
แม้จะตั้งครรภ์ไม่พร้อม แต่ก็สามารถเลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อได้ แต่ต้องเป็นการตั้งครรภ์ที่มีคุณภาพและนำไปสู่การคลอดที่ปลอดภัย หากเลือกแนวทางนี้ ควรจะมีแผนชีวิตที่ชัดเจนทั้งในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด รวมถึงมีการเงินที่พร้อมและความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูบุตร ซึ่งในบางคนอาจต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
เบื้องต้นผู้ตั้งครรภ์ควรปฏิบัติ ดังนี้
- เริ่มฝากครรภ์และไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
- รับการตรวจคัดกรองโรคเป็นประจำ
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพครรภ์ เพื่อเตรียมพร้อมและดูแลสุขภาพครรภ์ได้อย่างเหมาะสม
- วางแผนเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ฐานะทางการเงิน และความรับผิดชอบต่อเรื่องต่าง ๆ ร่วมกับคู่รัก
- ดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอาหารที่มีกรดโฟลิกหรือยาโฟลิกเพื่อเสริมสร้างสุขภาพทารกในครรภ์ให้แข็งแรงสมบูรณ์
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- ออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำอย่างเหมาะสม
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งการสูบบุหรี่และใช้สารเสพติดต่าง ๆ
ยุติการตั้งครรภ์
สำหรับใครที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าไม่อาจตั้งครรภ์ต่อ ก็สามารถเลือกทางออกอย่างยุติการตั้งครรภ์ได้ ซึ่งปัจจุบันมี 2 วิธี คือ การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ ที่เรียกว่าเครื่องดูดสุญญากาศ และการใช้ยา ซึ่งทั้งสองวิธีเป็นวิธีที่องค์การอนามัยโลกยอมรับว่ามีความปลอดภัยสูงและมีภาวะแทรกซ้อนน้อย หากใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ และพยาบาลที่ผ่านการฝึกอบรมมาในด้านนี้โดยเฉพาะ
ยุติการตั้งครรภ์ด้วยเครื่องสุญญากาศ
การยุติการตั้งครรภ์ด้วยเครื่องมือแพทย์ ที่เรียกว่าเครื่องดูดสุญญากาศ เป็นการทำแท้งวิธีหนึ่งสำหรับการตั้งครรภ์ที่ยังมีอายุครรภ์น้อย ทำได้ในช่วงอายุครรภ์ 5-12 สัปดาห์ นับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย โดยผู้ที่ทำให้ต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
วิธีการส่วนใหญ่แล้ว แพทย์จำเป็นจะต้องขยายปากมดลูก หลังจากนั้นจะใส่ท่อที่ต่อกับขวดและปั๊มเข้าไปทางปากมดลูก ปั๊มจะถูกเปิดให้ทำงานและสร้างภาวะสุญญากาศอย่างอ่อน ๆ ซึ่งจะดูดเนื้อเยื่อออกมาจากมดลูก การทำแท้งด้วยเครื่องมือดังกล่าวสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
ยุติการตั้งครรภ์ด้วยการใช้ยา
วิธียุติการตั้งครรภ์ด้วยการใช้ยา ในผู้ที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 9 สัปดาห์ สามารถสั่งจ่ายยาได้โดยแพทย์ที่ผ่านการอบรมเท่านั้น โดยยายุติการตั้งครรภ์นี้มีชื่อว่า ไมเฟพริสโตน (Mifepristone) และไมโซพรอสทอล (Misoprostol) ปัจจุบันมียารวมเม็ดเรียกว่า เมทตาบอล ซึ่งสูตรของยาดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนเป็นบัญชียาหลักขององค์การอนามัยโลก สามารถใช้ในอายุครรภ์น้อยกว่า 9 สัปดาห์ได้อย่างปลอดภัย
สำหรับประเทศไทย คนทั่วไปสามารถเข้าถึงยาดังกล่าวได้ ซึ่งต้องอยู่ในการติดตามการใช้ยาจากหน่วยงานการแพทย์ ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน หรือคลินิกที่ให้บริการ จำนวน 85 แห่งทั่วประเทศไทย แต่จะไม่มีจำหน่ายตามร้านขายยา หรือโรงพยาบาลและคลินิกที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ โดยการใช้ยาเพื่อยุติการตั้งครรภ์จะอยู่ในราคาเฉลี่ย 3,900-5,000 บาท
*** อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอายุครรภ์ที่มากกว่า 22-24 สัปดาห์ ไม่ควรยุติการตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพผู้หญิง และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
การทำแท้งผิดกฎหมายหรือไม่ ?
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ใครที่มีภาวะตั้งครรภ์ไม่พร้อมอาจกังวลว่าการยุติการตั้งครรภ์หรือการทำแท้งนั้น สามารถทำได้ตามกฎหมายหรือไม่
ภายใต้กฏหมายของไทย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 305 (1) (2) และมาตรา 276, 277, 282, 283 และ 284 รวมทั้งข้อบังคับแพทยสภา พ.ศ. 2548 ประเทศไทยได้กำหนดให้ผู้หญิงสามารถยุติการตั้งครรภ์โดยแพทย์อย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- การตั้งครรภ์นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพทางกายของผู้หญิง
- การตั้งครรภ์นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพทางใจของผู้หญิง
- ทารกในครรภ์มีหรือมีความเสี่ยงที่จะพิการรุนแรง
- การตั้งครรภ์ที่เกิดจากการถูกข่มขืนกระทำชำเรา
- การตั้งครรภ์ในเด็กหญิงที่อายุไม่เกิน 15 ปี (แม้ว่าเด็กหญิงจะไม่ได้ถูกล่อลวงหรือข่มขืนก็ตาม)
- การตั้งครรภ์มาจากเหตุล่อลวง บังคับ หรือข่มขู่ เพื่อทำอนาจาร สนองความใคร่
ดังนั้น ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว การยุติการตั้งครรภ์ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่หากไม่เข้าเกณฑ์ ประเทศไทยก็ยังมีกฎหมายที่ระบุให้การทำแท้งเป็นความผิดทางอาญาอยู่
ไม่อยากทำแท้ง แต่ก็ไม่อยากเลี้ยง
ในกรณีตั้งครรภ์ไม่พร้อม แต่ไม่อยากทำแท้ง และไม่มีความพร้อมเพียงพอที่จะเลี้ยงดูบุตร ทางออกสำหรับปัญหานี้ก็คือการหาครอบครัวอุปถัมภ์ด้วยตัวเอง หรือพึ่งพาหน่วยงานอย่างศูนย์บุตรบุญธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสหทัยมูลนิธิ ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อช่วยตามหาครอบครัวที่อยากมีลูกแต่มีไม่ได้ เพื่อให้ลูกน้อยได้ไปอยู่กับครอบครัวที่พร้อมจะรักและดูแลไปตลอดนั่นเอง
ทั้งนี้ ผู้ที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อม สามารถติดต่อสายด่วน 1663 เพื่อขอรับคำปรึกษาได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. หรือติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก : 1663 สายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม ได้ตลอด 24 ชม.
ข้อมูลจาก : womenhealth.or.th, rsathai.org, lovecarestation.com, ilaw.or.th
ภาวะตั้งครรภ์ไม่พร้อม คืออะไร
ภาวะท้องไม่พร้อม (Unplanned Pregnancy) คือการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยผู้ตั้งครรภ์ไม่ได้วางแผนหรือเตรียมตัวมีบุตรมาก่อน สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะท้องไม่พร้อมคือการไม่คุมกำเนิดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งไม่หาวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งมีหลากหลายวิธี
ทั้งนี้ การคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด ห่วงคุมกำเนิด หรือวิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 80-90% ส่วนการคุมกำเนิดถาวรอย่างการทำหมัน สามารถคุมกำเนิดได้มากกว่า 99% อย่างไรก็ตาม ผู้ที่คุมกำเนิดไม่ถูกวิธี เช่น ใช้ถุงยางอนามัยแล้วเกิดรั่ว หรือรับประทานยาคุมกำเนิดไม่สม่ำเสมอ ก็เสี่ยงท้องไม่พร้อมได้ นอกจากนี้ ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น ถูกข่มขืน หรือคู่นอนบังคับให้ร่วมเพศโดยไม่สวมถุงยางอนามัย ก็สามารถประสบภาวะท้องไม่พร้อมได้เช่นกัน
ผู้หญิงทุกคนสามารถทราบได้ว่าตัวเองตั้งครรภ์หรือไม่ โดยสังเกตจากรอบเดือนที่ขาดไป หรือมีอาการคัดเต้านม เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งเป็นอาการแพ้ท้อง ก็แสดงว่าอาจจะกำลังตั้งครรภ์ โดยอาการแพ้ท้องจะเกิดขึ้นเมื่ออายุครรภ์ได้ 6 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย
แต่ทางที่ดี ควรตรวจครรภ์เพื่อให้ได้ผลการตั้งครรภ์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งเราสามารถตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองได้ โดยซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์ที่มีจำหน่ายตามร้านขายยาหรือร้านสะดวกซื้อมาตรวจ ซึ่งมีความแม่นยำมากถึง 90% และสามารถตรวจได้ในผู้ที่ประจำเดือนขาดตั้งแต่วันที่ 10-14 ขึ้นไป แต่ถ้าหากไม่มั่นใจในผลการตรวจ อาจต้องรอประมาณ 1 สัปดาห์และตรวจซ้ำอีกครั้ง หรือไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจครรภ์ได้
เมื่อตรวจแล้วพบว่าตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่อยู่ในภาวะท้องไม่พร้อมอย่าเพิ่งวิตกกังวลจนเกินไป แต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติ นึกถึงผลกระทบในแง่ต่าง ๆ จากนั้นจึงควรปรึกษาคู่รักและครอบครัวของตนให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าจะรับมือกับภาวะที่เกิดขึ้นด้วยตนเองได้ สำหรับทางเลือกของปัญหาท้องไม่พร้อม มี 2 แนวทางหลัก ดังนี้
การตั้งครรภ์ต่อ
แม้จะตั้งครรภ์ไม่พร้อม แต่ก็สามารถเลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อได้ แต่ต้องเป็นการตั้งครรภ์ที่มีคุณภาพและนำไปสู่การคลอดที่ปลอดภัย หากเลือกแนวทางนี้ ควรจะมีแผนชีวิตที่ชัดเจนทั้งในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด รวมถึงมีการเงินที่พร้อมและความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูบุตร ซึ่งในบางคนอาจต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
เบื้องต้นผู้ตั้งครรภ์ควรปฏิบัติ ดังนี้
- เริ่มฝากครรภ์และไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
- รับการตรวจคัดกรองโรคเป็นประจำ
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพครรภ์ เพื่อเตรียมพร้อมและดูแลสุขภาพครรภ์ได้อย่างเหมาะสม
- วางแผนเกี่ยวกับหน้าที่การงาน ฐานะทางการเงิน และความรับผิดชอบต่อเรื่องต่าง ๆ ร่วมกับคู่รัก
- ดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง โดยรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอาหารที่มีกรดโฟลิกหรือยาโฟลิกเพื่อเสริมสร้างสุขภาพทารกในครรภ์ให้แข็งแรงสมบูรณ์
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- ออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำอย่างเหมาะสม
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งการสูบบุหรี่และใช้สารเสพติดต่าง ๆ
สำหรับใครที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าไม่อาจตั้งครรภ์ต่อ ก็สามารถเลือกทางออกอย่างยุติการตั้งครรภ์ได้ ซึ่งปัจจุบันมี 2 วิธี คือ การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ ที่เรียกว่าเครื่องดูดสุญญากาศ และการใช้ยา ซึ่งทั้งสองวิธีเป็นวิธีที่องค์การอนามัยโลกยอมรับว่ามีความปลอดภัยสูงและมีภาวะแทรกซ้อนน้อย หากใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ และพยาบาลที่ผ่านการฝึกอบรมมาในด้านนี้โดยเฉพาะ
ยุติการตั้งครรภ์ด้วยเครื่องสุญญากาศ
การยุติการตั้งครรภ์ด้วยเครื่องมือแพทย์ ที่เรียกว่าเครื่องดูดสุญญากาศ เป็นการทำแท้งวิธีหนึ่งสำหรับการตั้งครรภ์ที่ยังมีอายุครรภ์น้อย ทำได้ในช่วงอายุครรภ์ 5-12 สัปดาห์ นับจากประจำเดือนครั้งสุดท้าย โดยผู้ที่ทำให้ต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
วิธีการส่วนใหญ่แล้ว แพทย์จำเป็นจะต้องขยายปากมดลูก หลังจากนั้นจะใส่ท่อที่ต่อกับขวดและปั๊มเข้าไปทางปากมดลูก ปั๊มจะถูกเปิดให้ทำงานและสร้างภาวะสุญญากาศอย่างอ่อน ๆ ซึ่งจะดูดเนื้อเยื่อออกมาจากมดลูก การทำแท้งด้วยเครื่องมือดังกล่าวสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
ยุติการตั้งครรภ์ด้วยการใช้ยา
วิธียุติการตั้งครรภ์ด้วยการใช้ยา ในผู้ที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 9 สัปดาห์ สามารถสั่งจ่ายยาได้โดยแพทย์ที่ผ่านการอบรมเท่านั้น โดยยายุติการตั้งครรภ์นี้มีชื่อว่า ไมเฟพริสโตน (Mifepristone) และไมโซพรอสทอล (Misoprostol) ปัจจุบันมียารวมเม็ดเรียกว่า เมทตาบอล ซึ่งสูตรของยาดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนเป็นบัญชียาหลักขององค์การอนามัยโลก สามารถใช้ในอายุครรภ์น้อยกว่า 9 สัปดาห์ได้อย่างปลอดภัย
สำหรับประเทศไทย คนทั่วไปสามารถเข้าถึงยาดังกล่าวได้ ซึ่งต้องอยู่ในการติดตามการใช้ยาจากหน่วยงานการแพทย์ ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน หรือคลินิกที่ให้บริการ จำนวน 85 แห่งทั่วประเทศไทย แต่จะไม่มีจำหน่ายตามร้านขายยา หรือโรงพยาบาลและคลินิกที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ โดยการใช้ยาเพื่อยุติการตั้งครรภ์จะอยู่ในราคาเฉลี่ย 3,900-5,000 บาท
*** อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอายุครรภ์ที่มากกว่า 22-24 สัปดาห์ ไม่ควรยุติการตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพผู้หญิง และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ใครที่มีภาวะตั้งครรภ์ไม่พร้อมอาจกังวลว่าการยุติการตั้งครรภ์หรือการทำแท้งนั้น สามารถทำได้ตามกฎหมายหรือไม่
ภายใต้กฏหมายของไทย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 305 (1) (2) และมาตรา 276, 277, 282, 283 และ 284 รวมทั้งข้อบังคับแพทยสภา พ.ศ. 2548 ประเทศไทยได้กำหนดให้ผู้หญิงสามารถยุติการตั้งครรภ์โดยแพทย์อย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- การตั้งครรภ์นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพทางกายของผู้หญิง
- การตั้งครรภ์นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพทางใจของผู้หญิง
- ทารกในครรภ์มีหรือมีความเสี่ยงที่จะพิการรุนแรง
- การตั้งครรภ์ที่เกิดจากการถูกข่มขืนกระทำชำเรา
- การตั้งครรภ์ในเด็กหญิงที่อายุไม่เกิน 15 ปี (แม้ว่าเด็กหญิงจะไม่ได้ถูกล่อลวงหรือข่มขืนก็ตาม)
- การตั้งครรภ์มาจากเหตุล่อลวง บังคับ หรือข่มขู่ เพื่อทำอนาจาร สนองความใคร่
ดังนั้น ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว การยุติการตั้งครรภ์ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่หากไม่เข้าเกณฑ์ ประเทศไทยก็ยังมีกฎหมายที่ระบุให้การทำแท้งเป็นความผิดทางอาญาอยู่
ไม่อยากทำแท้ง แต่ก็ไม่อยากเลี้ยง
ในกรณีตั้งครรภ์ไม่พร้อม แต่ไม่อยากทำแท้ง และไม่มีความพร้อมเพียงพอที่จะเลี้ยงดูบุตร ทางออกสำหรับปัญหานี้ก็คือการหาครอบครัวอุปถัมภ์ด้วยตัวเอง หรือพึ่งพาหน่วยงานอย่างศูนย์บุตรบุญธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสหทัยมูลนิธิ ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อช่วยตามหาครอบครัวที่อยากมีลูกแต่มีไม่ได้ เพื่อให้ลูกน้อยได้ไปอยู่กับครอบครัวที่พร้อมจะรักและดูแลไปตลอดนั่นเอง
ทั้งนี้ ผู้ที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อม สามารถติดต่อสายด่วน 1663 เพื่อขอรับคำปรึกษาได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. หรือติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก : 1663 สายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม ได้ตลอด 24 ชม.
ข้อมูลจาก : womenhealth.or.th, rsathai.org, lovecarestation.com, ilaw.or.th