ทารกไม่ถ่ายหลายวัน พ่อแม่มือใหม่ทำยังไงดี

          ทารกไม่ถ่ายหลายวัน เชื่อว่าปัญหานี้คงทำเอาคุณพ่อคุณแม่กลุ้มใจ สำหรับใครที่กำลังปวดหัวกับเรื่องนี้ มาดูกันว่า จะมีวิธีไหนที่ช่วยให้การขับถ่ายของเจ้าตัวเล็กกลับมาเป็นปกติได้บ้าง

          ในช่วงแรกเกิดจนถึงขวบปีแรกของลูกน้อยเป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต่างก็เฝ้าสังเกตและประคบประหงมให้เจ้าตัวเล็ก กินอิ่ม นอนหลับอย่างปลอดภัย หากเกิดอะไรที่ผิดปกติเข้านิดเดียวก็เป็นต้องเปิดตำราหาทางออกกันยกใหญ่ ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่อาจเกิดความกังวลได้ไม่น้อยเลย นั่นก็คือเรื่องการขับถ่ายนั่นเอง เพราะบางวันลูกก็ถ่ายมาก บางครั้งลูกไม่ถ่ายเลย หรือบางทีลูกท้องผูกไม่ถ่ายนานเป็นสัปดาห์ ๆ เลยก็มี แต่ไม่ต้องหนักใจไป เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมมีบทความเกี่ยวกับระบบขับถ่ายของเด็ก ๆ พร้อมกับไขข้อสงสัยว่าเหตุใดลูกไม่ถ่าย รวมถึงวิธีช่วยให้ลูกถ่ายง่ายมาฝากกันแล้วค่ะ

ทำไมทารกไม่ถ่าย ?

          สำหรับลูกน้อยตั้งแต่ช่วงวัยทารก ตามปกติแล้วจะมีพัฒนาการและการเจริญเติบโตในส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบสมอง ประสาท กระดูก และกล้ามเนื้อ รวมไปถึงระบบขับถ่ายก็มีการเปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันออกไปตามแต่ละช่วงวัย

          ซึ่งการที่ทารกไม่ถ่ายนั้นยังไม่น่ากังวลมากนัก เพราะถือเป็นเรื่องธรรมชาติ โดยเฉพาะทารกที่กินนมแม่ เนื่องจากนมแม่ไม่มีของเสียที่เป็นกากมาก จึงเหลือของเสียที่ต้องกำจัดออกจากร่างกายไม่มาก ทำให้ลูกไม่ถ่ายหรือขับถ่ายน้อยลง บางคนอาจนานหลายวัน หรือนานถึง 2-3 สัปดาห์เลยก็เป็นไปได้ ซึ่งถือว่าเป็นอาการปกติของเด็กในวัยทารกค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม ควรให้ลูกได้กินนมแม่เป็นหลัก เพราะมีสารอาหารครบถ้วนที่ดีต่อทารก โดยเฉพาะจุลินทรีย์ LPR ที่มีส่วนช่วยให้ระบบทางเดินอาหารและลำไส้ทำงานได้อย่างปกติ

          อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ทารกไม่ถ่าย อาจเกิดได้จากการเปลี่ยนนมโดยทันที เช่นเปลี่ยนจากกินนมแม่มาเป็นนมผสมทันที โดยไม่ได้ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนมื้อของนมชนิดใหม่ นั่นก็เพราะว่าอัตราส่วนของคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนสูงมีความแตกต่าง โดยหากมีสัดส่วนโปรตีนที่สูงขึ้นก็มีส่วนทำให้ย่อยยาก อีกทั้งการป้อนอาหารเสริมบางอย่างที่ไม่เหมาะกับลูกก็อาจทำให้ลูกไม่ถ่ายหรือท้องผูกได้เช่นกัน

วิธีช่วยให้ลูกถ่ายง่าย แก้อาการทารกไม่ถ่าย

1. ปรับอาหารสำหรับคุณแม่

          ในกรณีที่เด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน ยังไม่สามารถกินผักและผลไม้ได้ คุณแม่จึงต้องเป็นคนเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์แทน เช่น ผักและผลไม้ที่มีกากใยและช่วยระบาย โดยเฉพาะมะละกอ มะขาม ส้ม ลูกพรุน รวมถึงดื่มน้ำมาก ๆ เพราะอาหารเหล่านี้สามารถส่งผ่านจากน้ำนมไปสู่ทารก ช่วยลดอาการทารกไม่ถ่ายและช่วยให้ลูกน้อยขับถ่ายได้ปกติ

2. ให้ลูกกินนมแม่ หรือเสริมด้วยจุลินทรีย์ LPR

          อย่างที่ทราบกันดีว่า นมแม่มีประโยชน์มากที่สุด จึงแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่แรกคลอดไปจนถึง 6 เดือน แต่ถ้าคุณแม่มีน้ำนมมากพอ สามารถให้ลูกกินไปนานที่สุดเท่าที่จะให้ได้ เนื่องจากในนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม วิตามิน DHA และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สำคัญยังมีจุลินทรีย์ LPR ตามธรรมชาติ ซึ่งก็คือจุลินทรีย์โพรไบโอติก (Probiotic) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

          โดยมีงานวิจัยทางการแพทย์รับรองมากที่สุดโดย LPR ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบทางเดินอาหารได้ จึงส่งผลให้จุลินทรีย์ในทางเดินอาหารของลูกน้อยสมดุล ช่วยให้ทารกไม่ถ่าย ถ่ายง่ายขึ้น ระบบประสาทที่ควบคุมระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดี มีส่วนช่วยให้การย่อย ดูดซึม และขับถ่ายเป็นปกติ ทั้งนี้ นอกจากในนมแม่แล้ว LPR ยังสามารถพบได้ในโยเกิร์ต นมเปรี้ยว และนมบางชนิดอีกด้วย

          สำหรับลูกในวัยหย่านม หรือวัย 1 ขวบขึ้นไป ที่เริ่มหัดกินนมผสมเพิ่มเติมจากนมแม่ สารอาหารที่เปลี่ยนไปอาจทำให้ลูกน้อยท้องผูกได้ ดังนั้นจึงควรเลือกเสริมด้วยจุลินทรีย์สุขภาพ LPR ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีต่อระบบทางเดินอาหาร และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายที่สตรองของลูกได้อย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจาก LPR จะมีส่วนสำคัญในระบบขับถ่ายของลูกน้อย ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้เต็มที่แล้ว ยังสามารถลดการเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนในเด็ก รวมถึงช่วยสร้างความแข็งแรงของร่างกาย เมื่อร่างกายแข็งแกร่งพร้อมเรียนรู้ พัฒนาการทางสมองก็จะเกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่ตามวัย เป็นการเปิดโอกาสให้ลูกได้ค้นหาความเก่งที่เขาชอบแบบที่ใจฝันและเต็มศักยภาพ

3. นวดท้องลูกเบา ๆ

          วิธีนวดท้องเป็นการกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลกับการเคลื่อนตัวของสิ่งที่ตกค้างในลำไส้ จึงสามารถช่วยให้ทารกไม่ถ่าย ขับถ่ายออกมาเร็วขึ้นนั่นเอง

4. สวนอุจจาระได้ แต่อย่าทำบ่อย

          หากลูกน้อยท้องผูกมาก หรือทารกไม่ถ่ายสักที สามารถช่วยเหลือได้ด้วยวิธีการสวนอุจจาระ แต่ไม่แนะนำให้ทำบ่อย เพราะอาจติดเป็นนิสัย ส่งผลให้ลูกไม่ยอมขับถ่ายด้วยตัวเอง อีกทั้งการสวนก้นลูกเพื่อให้ถ่ายนั้นถือว่ารบกวนกระบวนการทำงานของลำไส้ให้ทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจส่งผลในระยะยาวได้

5. ให้ลูกกินผัก-ผลไม้ หรืออาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง

          นอกจากนมแล้ว เด็กวัย 6-8 เดือนขึ้นไปก็สามารถกินอาหารชนิดอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกกินอาหารที่ช่วยเสริมในเรื่องของระบบขับถ่ายด้วย แนะนำเป็นผักและผลไม้ หรืออาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง เช่น กล้วยหอม ที่อุดมไปด้วยเพกทิน ใยอาหารชนิดละลายน้ำ ช่วยปรับสมดุลในลำไส้ มะละกอสุก มีกากใยสูง รสหวาน กินง่าย หรือจะเป็นลูกแพร์ ผลไม้ไฟเบอร์สูง ช่วยในการขับถ่าย อุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามินที่ดีต่อร่างกาย ทารกไม่ถ่ายจะถ่ายง่ายขึ้น อีกทั้งควรให้ลูกดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการขับถ่าย

6. ฝึกนิสัยการขับถ่ายให้ลูกน้อย

          อาการทารกไม่ถ่ายจะเกิดน้อยลง เมื่อเด็ก ๆ โตขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกในเรื่องการขับถ่ายให้เป็นเวลาเสียแต่เนิ่น ๆ เพื่อทำให้ร่างกายของเขาคุ้นชิน และสามารถขับถ่ายได้เองเป็นกิจวัตร โดยทุกเช้าคุณพ่อคุณแม่อาจชวนลูกมานั่งกระโถน เพื่อฝึกให้เขาอึให้ตรงเวลา วันละ 1 ครั้ง เป็นต้น

7. ปรึกษาแพทย์

          หากคุณพ่อคุณแม่ทำทุกวิธีแล้ว ลูกน้อยก็ยังไม่ถ่ายหรือทารกไม่ถ่ายอีกหลาย ๆ วัน แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอเพื่อหาสาเหตุและวิธีรักษาต่อไปค่ะ

          การขับถ่ายของลูก โดยเฉพาะในช่วงทารกไปจนถึงวัย 5 ขวบ เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเอาใจใส่ เพราะเรื่องนี้สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพของลูกได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลให้ดี ทั้งด้านอาหารการกิน การเลือกนมให้ดื่ม รวมไปถึงดูแลสุขภาพของลูกให้ดีอยู่เสมอ เมื่อร่างกายแข็งแกร่งแล้ว แน่นอนว่าสมองก็จะสามารถพัฒนาได้เต็มที่ตามวัย ทำให้ลูกเก่งได้อย่างเต็มศักยภาพนั่นเอง