วิจัยชี้ สอนลูกให้รู้ทันเทคโนโลยี ดีกว่าปิดกั้นการเข้าถึงสื่อออนไลน์

เด็กกับสื่อออนไลน์

          การจะบังคับหรือห้ามลูก ๆ ไม่ให้เข้าถึงสื่อโซเชียลเลย คงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไรนัก แต่ถ้าเปลี่ยนจากการห้าม มาเป็นการสอนให้เขาเข้าใจและรู้ทันถึงความเสี่ยงและอันตรายที่มีอยู่ในสื่อออนไลน์ก็คงจะดีกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

          ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมาก มีการนำความรู้และเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ มาพัฒนาเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะด้านการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตก็ถูกผลิตออกมามากมายหลายรุ่น ซึ่งไม่เพียงแต่เทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใหญ่แล้ว แต่ยังมีประโยชน์ต่อเด็กเล็ก ๆ ไปจนถึงวัยรุ่นในด้านของของสื่อความรู้ สื่อออนไลน์และสื่อดิจิติตอล ที่ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ใกล้ตัวและเข้าถึงง่าย ทั้งยังช่วยให้สื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
เด็กกับสื่อออนไลน์

          การใช้สื่อออนไลน์และการใช้เทคโนโลยีของเด็กนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีและมีประโยชน์ แต่ก็ต้องอยู่ในความพอดีและเหมาะสมกับวัย ในเด็กเล็ก ๆ ช่วงวัย 3 ขวบขึ้นไป หากให้เขาใช้เวลากับสมาร์ทโฟนและสื่อออนไลน์มากเกินไป ก็อาจทำให้เขาเสียโอกาสในการเรียนรู้ด้านอื่น ๆ ขาดทักษะในการเข้าสังคม และอาจส่งผลในแง่ลบอื่น ๆ ต่อตัวลูกได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องสอนลูกให้อยู่ในโลกออนไลน์ได้อย่างเหมาะสม เพราะอันตรายจากสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียนั้นมีซ่อนอยู่มากมายเลยทีเดียว

          ในงานวิจัยจากสถาบันนโยบายการศึกษา (Education Policy Institute) จากประเทศอังกฤษ กล่าวว่าผู้ปกครองควรให้ความรู้ความเข้าใจแก่ลูกในการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัยและเหมาะสมมากกว่าการปิดกั้นและคอยหาทางป้องกันไม่ให้ลูกเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและสื่อออนไลน์ต่าง ๆ พร้อมกับส่งเสริมการใช้สื่อออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ จะนำไปสู่พัฒนาการที่ดี เด็ก ๆ ก็จะรู้เท่าทันถึงความเสี่ยงและอันตรายที่แอบแฝงอยู่ในสื่อออนไลน์นั้น  ๆ

เด็กกับสื่อออนไลน์

          ซึ่งเป็นอย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจุบันนี้ โซเชียลมีเดียต่าง ๆ มีการเข้าถึงง่าย และมีความเป็นสาธารณะที่ใครต่อใครก็สามารถรับชมและเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้ต่าง ๆ นานา โดยที่เราไม่สามารถห้ามให้ใครแสดงความคิดเห็นได้ บางความเห็นอาจทำให้ลูกเกิดความรู้สึกไม่ดี แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนและให้คำแนะนำแก่เด็ก ๆ ให้รู้จักรับมือกับสภาวะทางอารมณ์ การแสดงความรู้สึก และการโต้ตอบความคิดเห็นในสื่อโซเชียล ให้เขาอยู่เป็นและสามารถปรับตัวได้ดีในโลกออนไลน์

          จากงานวิจัยดังกล่าวพบว่าเด็กอังกฤษในช่วงอายุ 15 ปี กว่า 27 % ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุด โดยพวกเขาใช้เวลาหลังเลิกเรียนอยู่ในโลกออนไลน์มากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน โดย 95 % ใช้งานในสื่อออนไลน์แบบส่วนตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และสแนปแชท ซึ่งสื่อดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภัยบนโลกออนไลน์ รวมไปถึงผลกระทบในแง่ลบต่าง ๆ ทางด้านจิตใจ เช่น การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ การโจมตีด้วยถ้อยคำรุนแรงและหยาบคายต่าง ๆ (Cyberbullying) การหลอกลวง การแบล็กเมล ไปจนถึงการคุกคามทางเพศ เป็นต้น

          ซึ่งหากเด็ก ๆ มีภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจน้อย เมื่อเขาเจออะไรในโลกออนไลน์ที่กระทบกระเทือนจิตใจและความรู้สึก ก็อาจทำให้เขากลายเป็นเด็กมีปัญหา เก็บตัวเงียบ ไม่อยากพบเจอใคร บางรายอาจเกิดความเครียดอย่างหนัก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ และอาจร้ายแรงจนถึงขั้นฆ่าตัวตาย ดังที่เราเคยเห็นกันในข่าวมาแล้ว

          จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจและดูแลลูก ๆ อย่างใกล้ชิดในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย ด้วยการสอนให้เขารู้จักใช้สื่อโซเชียลอย่างเหมาะสม สอนให้เขารู้ถึงภัยอันตรายและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในโลกออนไลน์ โดยสอนให้เขารู้จักเลือกคบคน ไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวแก่คนอื่นที่ไม่รู้จัก ควรระมัดระวังและคัดกรองข้อมูลก่อนที่จะโพสต์หรือแชร์อะไรสู่โลกออนไลน์

เด็กกับสื่อออนไลน์

          นอกจากนี้หากลูกถูกรังแกผ่านโซเชียลมีเดีย คุณพ่อคุณแม่ควรให้สติและให้ความมั่นใจว่าเราสามารถตอบโต้คนเหล่านั้นได้ด้วยการลบข้อความที่สร้างความเสียหาย ทั้งยังสามารถบล็อกคนที่กลั่นแกล้งเราได้ หรือเลิกออนไลน์ไปสักระยะ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ Cyberbullying อีกต่อไป แต่ทั้งนี้ในเด็กวัยรุ่น เวลาที่เขาเผชิญกับปัญหาจะไม่ค่อยเล่าให้ผู้ปกครองฟังเท่าไรนัก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูกในการใช้สื่อโซเชียล สอนให้เขาใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม และรู้เท่าทันเทคโนโลยี ก็จะช่วยให้เด็กสามารถป้องกันตัวเองได้จากการถูกทำร้ายในโลกออนไลน์ได้

          สรุปแล้วการใช้เทคโนโลยีของเด็กและวัยรุ่นในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรให้ความรู้ความเข้าใจในการใช้งานอย่างเหมาะสม ช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมกับสร้างภูมิคุ้มกันที่จะช่วยให้ลูก ๆ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัย สอนให้เขาเรียนรู้ และรู้เท่าทันถึงความเสี่ยงและอันตรายที่ซ่อนอยู่ในสื่อออนไลน์ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ยุคดิจิตอล และอยู่ในโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยค่ะ

ภาพจาก : unsplash.com

ข้อมูลจาก : mirror.co.uk, ucg.org




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิจัยชี้ สอนลูกให้รู้ทันเทคโนโลยี ดีกว่าปิดกั้นการเข้าถึงสื่อออนไลน์ อัปเดตล่าสุด 20 กรกฎาคม 2560 เวลา 15:38:53 9,699 อ่าน
TOP
x close