คุณพ่อคุณแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกของตัวเองเติบโตมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นคนเก่งของพ่อแม่และสังคมกันทั้งนั้น แต่ในสังคมปัจจุบันนี้การจะเป็นคนเก่งที่ฉลาดอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ ที่ประกอบด้วย ความเก่ง ความดี และความสุข ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งวิธีเลี้ยงลูกให้เก่ง ดี และมีความสุขนั้น ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง หรือหาซื้อของแพง ๆ มาให้ลูกแต่อย่างใดเลยค่ะ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจในตัวลูก เข้าใจในพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงอายุ และเลี้ยงดูเขาให้เหมาะสมตามวัย ก็จะทำให้เขาได้เรียนรู้ และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่เก่ง ดี และมีความสุข ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านการเรียน การทำงาน และประสบความสำเร็จในชีวิตได้
การเล่น เป็นสิ่งง่าย ๆ ที่ทำให้เด็กมีความสุข ยิ่งถ้าเขาได้มีอิสระ และได้ใช้จินตนาการในการเล่นแบบต่าง ๆ แล้ว เขาก็จะมีโอกาสแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการเล่นได้เอง และถ้ามีคุณพ่อคุณแม่มาร่วมเล่นด้วย ก็จะช่วยพัฒนาความรักความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้การแสดงความรักต่อลูกด้วยการกอด หรือหอมแก้ม ก็จะทำให้ใกล้ชิดกับลูก และช่วยเพิ่มความอบอุ่นในครอบครัวยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
2. อ่านหนังสือด้วยกันทุกวัน
คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมเจ้าตัวน้อยถึงชอบให้เล่านิทานให้ฟังอยู่บ่อย ๆ นั่นก็เพราะว่าเด็ก ๆ ชอบฟังเสียงคุณพ่อคุณแม่อ่านหนังสือหรือเล่านิทานให้ฟังอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสมองของลูก และยังเพิ่มความแน่นแฟ้นในครอบครัวได้ดีอีกด้วย ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดไม่ใช่การอ่านหนังสือให้ลูกฟังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่คุณพ่อคุณแม่ควรอ่านหนังสือด้วยกันกับลูก สลับการสอนคำศัพท์ หรือถามตอบเกี่ยวกับเนื้อหาและแสดงความคิดเห็น นอกจากจะทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังให้รักการอ่านอีกด้วย
การเข้าสังคมเป็นพื้นฐานการสร้างบุคลิกภาพที่เหมาะสมของเด็ก ซึ่งจะช่วยให้เขามีโอกาสได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับคนในสังคม ทั้งเพื่อน ๆ และคนรอบข้าง รวมถึงได้พัฒนาทักษะด้านอารมณ์ที่ดี ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการดำเนินชีวิตในอนาคต เพราะจะช่วยให้ลูกอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข รู้จักระเบียบวินัย รู้จักการแบ่งปัน ควบคุมอารมณ์ได้ดี และมีทัศนคติที่ดีในการใช้ชีวิต
การสอนที่ดีที่สุด คือการที่ตัวผู้สอน หรือคุณพ่อคูณแม่ผู้ปกครองทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกเห็นอยู่เสมอ เพราะเด็กจะซึมซับจากพฤติกรรมที่ผู้ใหญ่แสดงออกมาโดยอัตโนมัติมากกว่าการสอนด้วยคำพูดใด ๆ ซึ่งรวมไปถึงการแสดงอารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่เช่นกัน หากคุณพ่อคุณแม่เครียดหรือหงุดหงิด ก็อาจทำให้ลูกเครียดและทำกิริยาก้าวร้าวออกมาได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องดูแลตัวเองและควบคุมอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ
เมื่อลูกทำความดีหรือทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ควรให้คำชมและให้การสนับสนุน ให้เขาได้รู้ว่าคุณชื่นชมยินดีมากขนาดไหน เช่น การช่วยเหลืองานบ้าน หรือแบ่งปันขนมให้พี่น้อง ซึ่งคำชมนี้ถือเป็นกำลังใจและแรงเสริมทางบวกที่จะช่วยผลักดันให้เด็กทำในสิ่งดี ๆ ต่อไปได้เรื่อย ๆ ทั้งยังช่วยให้เขามีแรงกระตุ้นในการเรียนรวมถึงการใช้ชีวิตประจำวัน และยังเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวอีกด้วย
6. สังเกตพฤติกรรมลูกทั้งที่บ้านและโรงเรียน
คุณพ่อคุณแม่ควรเอาใจใส่และหมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูกขณะที่อยู่ที่โรงเรียน ว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไร สามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนและคุณครูได้หรือไม่ โดยอาจถามจากครูประจำชั้น หรือตัวของลูกเองว่าวันนี้ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง เรียนวิชาอะไร เพื่อน ๆ และคุณครูเป็นอย่างไร รวมถึงสังเกตพฤติกรรมของเขาขณะอยู่ที่บ้าน หากวันนี้ลูกดูซึม ๆ ไม่ร่าเริงเหมือนก่อน คุณพ่อคุณแม่ก็ควรเข้าไปพูดคุยปรับทุกข์กับลูก ให้เขารู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกว่าเขายังมีพ่อแม่อยู่ข้าง ๆ เสมอ
การเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีและมีความสุขนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่คุณพ่อคุณแม่จะทำได้เลยใช่ไหมคะ เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ต้องมีความเข้าใจในตัวลูก รวมถึงมีการอบรมสั่งสอนให้อยู่ในกฎระเบียบ แต่ก็ควรสอนอย่างพอดี ไม่เข้มงวดหรือใช้อำนาจควบคุมลูกจนเกินไป อาจทำให้ลูกต่อต้านและไม่เชื่อฟังได้ นอกจากนี้การให้ความรักความอบอุ่นกับคนในครอบครัวก็สำคัญมากเช่นกัน เพราะเด็ก ๆ ต้องการความรักจากครอบครัวยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ต่อให้จะซื้อของเล่นแพง ๆ แค่ไหนก็ไม่อาจเทียบเท่าความรักของคุณพ่อคุณแม่ได้เลยค่ะ ^_^
ข้อมูลจาก : yourtango.co, yourtango.com