น้ำคาวปลาหลังคลอด มีที่มาอย่างไร ?

น้ำคาวปลา

         น้ำคาวปลา คืออะไร ? ทำไมจึงมีหลังคลอด วันนี้กระปุกดอทคอมมีเกร็ดน่ารู้จากนิตยสาร บันทึกคุณแม่ ที่จะพาคุณแม่หลังคลอดไปไขปัญหาและทำความเข้าใจ รวมทั้งการดูแลตัวเอง และสังเกตอาการผิดปกติของน้ำคาวปลา มาฝากกันค่ะ

         หลังจากที่คุณได้ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการให้กำเนิดชีวิต แน่นอนว่าร่างกายต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย หนึ่งในนั้นคือการขับของเหลวที่เรียกว่า "น้ำคาวปลา" ออกมา ซึ่งเจ้าน้ำคาวปลานี้คืออะไร และคุณแม่ควรดูแลร่างกาย และสุขอนามัยอย่างไรดี เรามีคำตอบมาฝากค่ะ

น้ำคาวปลา มาจากไหน ?

         ไม่ว่าคุณจะคลอดด้วยวิธีใด ทั้งผ่าท้องคลอด หรือคลอดธรรมชาติ สิ่งที่จะตามมาก็คือร่างกาย จะขับของเหลวที่เรียกว่า น้ำคาวปลา ออกมาจากโพรงมดลูก โดยน้ำคาวปลานี้เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัวขึ้นในขณะตั้งครรภ์ เพื่อการฝังตัวของทารกเริ่มแยกออกเป็นสองชั้นหลังคลอด โดยชั้นบนจะหลุดลอกออกมาเป็นน้ำคาวปลา ส่วนชั้นล่างยังติดกับกล้ามเนื้อมดลูก เพื่อพร้อมที่จะสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกชั้นใหม่สำหรับการมีรอบประจำเดือนหลังคลอดต่อไป

ความเปลี่ยนแปลงของน้ำคาวปลา


         ในช่วงวันแรก ๆ หลังคลอด น้ำคาวปลาจะมีสีแดงสดเหมือนประจำเดือน ในบางรายอาจมีลิ่มเลือดปนออกมาด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ หากไม่มีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย หลังจากนั้น 2-3 วัน น้ำคาวปลาจะค่อย ๆ เปลี่ยนสีเป็นชมพู ตามด้วยสีออกน้ำตาล และสีเหลืองขุ่น ๆ จนกระทั่งเมื่อมดลูกเริ่มหดตัวกลับสู่ขนาดปกติ น้ำคาวปลาจะมีปริมาณน้อยลง และสีอ่อนลงตามลำดับ โดยทั้งหมดนี้อาจกินเวลาตั้งแต่ 2-3 สัปดาห์ หรือในบางรายอาจมีน้ำคาวปลาถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด

ดูแลอย่างไร เมื่อมีน้ำคาวปลา

         เรื่องความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงนี้ค่ะ ยิ่งหากว่าคุณแม่คลอดธรรมชาติ และมีบาดแผลการตัดฝีเย็บ ต้องระวังเรื่องการติดเชื้อ เนื่องจากน้ำคาวปลามีคุณสมบัติเป็นด่าง ซึ่งขัดกับสมดุลธรรมชาติของจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง ดังนั้นช่วงที่มีน้ำคาวปลา บริเวณช่องคลอดจะติดเชื้อได้ง่าย ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง ดูแลจุดซ่อนเร้นให้แห้ง ไม่อับชื้น ไม่ใส่กางเกงที่รัดจนเกินไป และควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ไปก่อน

อาการอย่างนี้ ไม่ปกติแน่ ๆ

         ในช่วงนี้คุณแม่จำเป็นต้องหมั่นสังเกตตัวเองด้วยว่ามีอาการผิดปกติอื่น ๆ หรือเปล่า หากพบว่ามีอาการต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

        - น้ำคาวปลา มีกลิ่นเหม็นรุนแรง

        - รู้สึกหนาว เหมือนจะมีไข้

        - น้ำคาวปลา ยังเป็นสีแดงสด และยังคงมามากแม้จะผ่านไป 1 สัปดาห์แล้ว

        - หลังจากเลือดออกน้อยลงแล้ว จู่ ๆ ก็กลับมามีเลือดออกมากจนต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยมากกว่า 1 แผ่นใน 1 ชั่วโมง

        - มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ ออกมาจำนวนมาก

        - รู้สึกหน้ามืด หรือเวียนหัว

        - รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง หรือเต้นผิดจังหวะ

ดื่มยาขับน้ำคาวปลา ดีไหม ?

         ธรรมชาติมีกลไกในการหดรัดตัวของมดลูกหลังคลอดเพื่อขับน้ำคาวปลาตามปกติอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องดื่มยาขับน้ำคาวปลา เพราะอาจยิ่งทำให้เสี่ยงกับการตกเลือดหลังคลอด อีกทั้งโดยทั่วไปยาเหล่านี้มักมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ หากคุณให้นมลูก เจ้าตัวน้อยก็อาจจะได้รับแอลกอฮอล์ผ่านทางน้ำนมแม่ได้ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.23 Issue 270 มกราคม 2559

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
น้ำคาวปลาหลังคลอด มีที่มาอย่างไร ? อัปเดตล่าสุด 19 กันยายน 2559 เวลา 10:52:22 7,250 อ่าน
TOP
x close