โรคหอบหืดในเด็ก หรือโรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นในทุก ๆ ปี นั่นเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปและมลพิษก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดโรคหอบหืด แล้วจะดูแลลูกน้อยอย่างไรให้ห่างไกลโรคหอบหืด วันนี้กระปุกดอทคอมมีแนวทางแก้ไขจากนิตยสาร MODERNMOM ถึงแม้ลูกน้อยจะไม่หายขาดแต่อนาคตลูกก็จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติและดูแลตัวเองให้ดีขึ้นได้เองค่ะ ^^
โดยทั่วไปในเด็กที่เป็นหอบหืดตั้งแต่เล็กจะโชคดีกว่าที่เป็นตอนโต หรือตอนเป็นผู้ใหญ่ เพราะส่วนใหญ่หลังอายุประมาณ 5 ขวบไปแล้ว อาการหอบหืดก็มักจะดีขึ้นเองครับ
ในเด็กที่เป็นหอบหืดมักมีอาการเป็นช่วง ๆ หากได้รับสิ่งกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางภูมิแพ้ของร่างกายครับเช่น มีการติดเชื้อจากไข้หวัดที่โดยทั่วไปเป็นเชื้อไวรัส ถูกกระตุ้นจากการออกกำลังกาย หรือได้รับสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่
หากคุณแม่สังเกตได้ว่าลูกจะหอบเมื่อไร จากสาเหตุอะไร แล้วพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเหล่านั้นก็จะทำให้ลูกมีอาการหอบหืดน้อยลงได้ครับ ยกตัวอย่าง หากเขามักมีอาการหอบเมื่อป่วยเป็นไข้ไม่สบายก็ต้องพยายามดูแลสุขภาพร่างกายกันให้แข็งแรงเข้าไว้ครับ เช่น ฉีดหรือรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อที่สามารถป้องกันได้ตามวัย หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารให้เพียงพอและเหมาะสมกับความต้องการ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการรับเชื้อโรคจากผู้อื่นโดยการดูแลสุขวิทยาพื้นฐานอย่างเคร่งคัด หากลูกมีอาการหอบหืดเมื่อออกกำลังกายก็ควรปรึกษาคุณหมอที่รักษากันอยู่นะครับ เพราะคุณหมอมียาที่สามารถป้องกันอาการหอบหืดจากการออกกำลังได้ครับ หากลูกมีอาการหอบจากสารก่อภูมิแพ้คุณแม่จะต้องสังเกตว่าสารอะไรในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ลูกแพ้แล้วมีอาการหอบ บางชนิดสามารถทำการทดสอบได้ครับ ตรงนี้ต้องปรึกษาคุณหมอที่รักษาภูมิแพ้กันอยู่นะครับ
นอกจากการดูแลสุขภาพกันแล้วก็ต้องรักษาอาการหอบหืดกันอย่างต่อเนื่องด้วยนะครับ ในเด็กที่หอบไม่บ่อยคุณหมออาจให้การรักษาเฉพาะเมื่อมีอาการหอบ หรือบางช่วงที่มีโอกาสหอบได้บ่อย เช่น ฤดูหนาว ส่วนในเด็กที่มีอาการหอบบ่อย เช่น สัปดาห์หนึ่งหอบหลายวัน คุณหมอก็มียาที่สามารถควบคุมอาการให้ปลอดจากอาการหอบได้
ปัจจุบันนับว่าโชคดีครับคุณแม่ เพราะยารักษาหอบหืดในเด็กมีประสิทธิภาพดีมาก ขณะที่อันตรายจากยาก็จะน้อยลงไปด้วย หากคุณแม่ใช้ยาตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัดก็สบายใจไปได้มากครับว่าลูกจะปลอดภัยจากการใช้ยา หากช่วงไหนมีอาการมากยังควบคุมอาการไม่ได้ก็หยุดโรงเรียนดีกว่านะครับจะได้ไม่เป็นอันตรายเวลาที่ไม่มีคนดูแล แต่หากสามารถควบคุมอาการได้ด้วยยาและลูกก็ไม่เหนื่อยเกินกว่าที่จะไปโรงเรียน ไม่ได้ป่วยด้วยโรคติดต่อที่จะติดจากคนอื่นได้ก็สามารถให้ลูกไปโรงเรียนพร้อมยาที่ใช้อยู่เป็นประจำได้ครับ
สิ่งที่อยากฝากคุณแม่ไว้ก็คือว่า แม้ลูกจะเป็นหอบหืดในเวลาที่เขาไม่หอบก็เป็นเด็กปกติคนหนึ่งครับ การดูแลขอให้ดูแลเหมือนเด็กปกติคนอื่น ๆไม่ต้องมีอะไรมากเป็นพิเศษ เราจะช่วยเหลือและดูแลเป็นพิเศษเมื่อเขาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ดีตอนเจ็บป่วยก็พอครับ เพื่อลดโอกาสเกิดปัญหาพฤติกรรมต่อไปในอนาคต
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.21 No.241 พฤศจิกายน 2558