ปกป้องลูกรักห่างไกลจาก 2 เชื้อร้าย 3 โรคอันตราย



          โรคเด็กเล็กที่พบได้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี หลัก ๆ มีอยู่ด้วยกัน 3 โรค และเป็นโรคยอดฮิตในเด็กเล็กที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเฝ้าระวังลูกน้อยเป็นพิเศษ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปรู้จักกับ 3 โรคอันตราย ที่ไม่ควรมองข้าม จากนิตยสาร Mother & Care รวมทั้งวิธีป้องกันที่ดีเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของลูกน้อยมาฝากกันค่ะ

          2 เชื่อโรคร้ายคืออะไร ? ก่อโรคได้อย่างไร ? ฉบับนี้มาทำความรู้จักและทำความเข้าใจเรื่องสุขภาพของเด็ก ๆ กันหน่อยดีไหม ?

2 เชื้อโรคร้าย เชื้อนิวโมคอคคัส (Pneumococcus) และเชื้อเอ็นทีเอชไอ (NTHi)

          พบได้ในโพรงจมูกและลำคอของเด็กที่แข็งแรงดี เชื้อโรค 2 ชนิดนี้ อาศัยอยู่ในร่างกายของเด็กโดยส่วนใหญ่จะไม่ก่อโรค เมื่อใดที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น ป่วยเป็นหวัด ติดเชื้อไวรัสในทางเดินหายใจเชื้อโรค 2 ชนิดนี้ จะเข้าไปในอวัยวะต่าง ๆ ก่อให้เกิดอันตรายได้ ในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรค 2 ชนิดนี้ โดยเชื้อโรคจะติดต่อจากคนสู่คนโดยการหายใจหรือไปสัมผัสกับเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของคนที่ติดเชื้อ เช่น ขณะไอหรือจาม

          เชื้อนิวโมคอคคัส และเชื้อเอ็นทีเอชไอ ในเด็กเล็ก ๆ ที่ภูมิต้านทานยังไม่แข็งแรงเป็นสาเหตุของการติดเชื้อรุนแรงที่เยื่อหุ้มสมองและในกระแสเลือด และยังเป็นสาเหตุหลักในการก่อให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม เป็นต้น นอกจากนี้เชื้อเอ็นทีเอชไอ ยังทำให้เป็นโรคตาแดง เยื่อบุตาอักเสบด้วย

3 โรคอันตราย ในเด็กที่ควรรู้ ที่เกิดจาก 2 เชื้อนี้ ได้แก่

         1. โรคไอพีดี (IPD : Invasive Pneumococcoal Disease) คือ โรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดรุนแรง โดยเชื้อจะลุกลามเข้าไปในที่บริเวณปอด หรือเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ เช่น โรคเยื่อหุ้มสมอง จะทำให้น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังในกระแสโลหิตในช่องเยื่อหุ้มปอด ทำให้เกิดโรคติดเชื้อในระบบประสาท การติดเชื้อในกระแสเลือดโรคปอดอักเสบ (เชื้อเอ็นทีเอชไอเป็นสาเหตุในการก่อให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือดได้เหมือนกัน แต่พบได้น้อยกว่า)

         2. โรคปอดอักเสบ
คือการอักเสบติดเชื้อของเนื้อปอด เมื่อมีการอักเสบจะมีน้ำและหนองในเนื้อปอด ทำให้ความสามารถในการทำงานของปอดในการนำออกซิเจนเข้าไปในเลือดลดลงในเมืองไทยพบเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีป่วยเป็นปอดอักเสบ ประมาณ 7 คนต่อประชากรเด็ก 100 คน

         3. โรคหูชั้นกลางอักเสบ
คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อที่บริเวณหูชั้นกลาง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส โดยเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบในเด็ก 35%-40% เกิดจากเชื้อนิวโมคอคคัส และ 20%-25% เกิดจากเชื้อเอ็นทีเอชไอ

          การอักเสบเฉียบพลันของหูชั้นกลางพบได้บ่อยในเด็ก มีรายงานว่า กว่า 80% ของเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เคยเป็นโรคหูชั้นกลางอักเสบอย่างน้อย 1 ครั้ง หากมีการอักเสบที่หูชั้นกลางแล้วถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ดี เชื้อจะกระจายไปที่อวัยวะต่าง ๆ เช่น ไปสู่สมอง ทำให้เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือมีในสมองได้ นอกจากนี้หากเด็กไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจเกิดความพิการทางการได้ยิน ทำให้เด็กมีปัญหาในการเรียนรู้ ส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านภาษา พัฒนาการด้านต่าง ๆ และคุณภาพชีวิตตามมา

รักษาได้หรือไม่ ?

          ทั้ง 3 โรคนี้ รักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ สิ่งสำคัญคือ ต้องได้รับการวินิจฉัยโรคและรักษาอย่างทันท่วงทีอย่างไรก็ตาม บางครั้งทั้ง ๆ ที่ได้รับการวินิจฉัยโรคและรักษาอย่างถูกต้องผลการรักษาก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร ปัจจุบันพบว่าเชื้อนิวโมคอคคัสและเชื้อเอ็นทีเอชไอ มีการดื้อยาปฏิชีวนะมากขึ้น ทำให้การรักษายาก ฉะนั้นการป้องกันดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด การปกป้องลูกให้ห่างไกลจาก 2 เชื้อโรคร้าย และ 3 โรคอันตรายทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

         เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นเวลามากกว่า 1 ปี หรืออย่างน้อย 6 เดือน

         รักษาความสะอาด ดูแลข้าวของเครื่องใช้ โดยเฉพาะสิ่งของที่ใช้มือจับบ่อย ๆ เช่น ลูกบิดประตู ของเล่น เป็นต้น

         ล้างมือให้เด็กบ่อย ๆ ปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ไอหรือจาม ไม่แคะจมูก ไม่เอามือใส่ปาก ไม่ขยี้ตา

         หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วย ที่มีอาการไอ จาม รวมถึงหลีกเลี่ยงการพาลูกไปในสถานที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันมาก ๆ มีคนสูบบุหรี่ และมลภาวะเป็นพิษต่าง ๆ

         ทำร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ อย่าให้เด็กนอนดึก

         ปรึกษาคุณหมอ เรื่องการเสริมภูมิคุ้มกันป้องกันโรคจากเชื้อ 2 ชนิดข้างต้น และโรคอื่น ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ที่อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอติดเชื้อได้ง่าย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.11 No.131 พฤศจิกายน 2558

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ปกป้องลูกรักห่างไกลจาก 2 เชื้อร้าย 3 โรคอันตราย โพสต์เมื่อ 14 ธันวาคม 2558 เวลา 11:43:26 3,920 อ่าน
TOP
x close