ปล่อยให้ลูกเล่นดิน และสิ่งสกปรกบ้าง

พัฒนาการเด็ก
การให้ลูกได้สัมผัสสิ่งสกปรกบ้างจะช่วยให้เด็กมีภูมิคุ้มกันโรคภูมิแพ้และหอบหืดได้

ปล่อยให้ลูกเล่นดิน และสิ่งสกปรกบ้าง (M&C แม่และเด็ก)
เรื่อง : ก๊อกก๊ก

          อาจเป็นเพราะการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา ที่ทำให้ชาวโลกพากันตื่นตัวเพื่อป้องกัน ในจำนวนนี้คือ พ่อแม่ที่เป็นห่วงลูกอายุยังน้อย และชอบจับสิ่งของรอบตัวเข้าปาก ซึ่งรวมทั้งดินและสิ่งสกปรกบนสนามหญ้า ไม่เฉพาะวัตถุชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่วางรายรอบห้อง

          อย่าห่วง ! เพราะมีการวิจัยหลายครั้งแล้ว ที่ได้พิสูจน์การให้ลูกได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้ตอนยังเล็กเป็นเรื่องดี เพราะจะช่วยเด็กให้มีภูมิคุ้มกันโรค จนไม่ต้องเป็นห่วงจะเป็นโรคอย่างหอบหืดและโรคภูมิแพ้

          ซึ่งเด็กสมัยนี้เป็นกันมาก สาเหตุมาจากการเลี้ยงดูที่ดีเกินไป ไม่ปล่อยให้เด็กได้เล่นและสัมผัสสิ่งสกปรกเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว เหมือนเด็กสมัยก่อน

          การวิจัยครั้งล่าสุดที่เป็นข่าวเมื่อเดือนมิถุนายน เป็นของศูนย์เด็กโรงพยาบาลจอห์น ฮ็อปกิ้นส์แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของโลก โดยศูนย์แห่งนี้ได้ดำเนินการวิจัยภายใต้ชื่อ Urban Environment and Childhood Asthma หรือสิ่งแวดล้อมในเมืองกับโรคหอบหืดในเด็ก และผลการวิจัยได้รับตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Allergy and Clinical Immunology เกี่ยวกับภูมิแพ้และการป้องกัน

          ทั้งนี้การวิจัยถูกจัดทำด้วยการเก็บและติดตามข้อมูลเด็ก 560 คนที่อาศัยอยู่ในย่านภายในนครบัลติมอร์, บอสตัน, นิวยอร์ก, และเซนต์หลุยส์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคดังกล่าว โดยเก็บและติดตามตั้งแต่เด็กยังเป็นทารก วิธีคือ ตรวจวัดคุณภาพอากาศและระดับเชื้อโรคที่ปนอยู่ในฝุ่นภายในบ้าน กับตรวจบันทึกของการเกิดอาการไอจามและอาการภูมิแพ้ ทั้งหมดใช้เวลา 3 ปี

          ปรากฏว่าเด็กที่โตภายในบ้านที่เต็มไปด้วยขี้แมลงสาบ ขนหนูและขนแมว ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ขวบ เมื่อถึง 3 ขวบมีอัตราไอจามต่ำกว่าเด็กที่โตภายในบ้านที่สะอาด

          และเมื่อแยกข้อมูลมีการพบถึงร้อยละ 40 ของเด็กที่ไม่เคยไอจามและแพ้สารใด ๆ เป็นเด็กที่อยู่ในบ้านที่มีระดับสิ่งสกปรกสูงสุด และความหลากหลายของเชื้อโรคมากที่สุด ขณะที่อัตราของเด็กที่อยู่ในบ้านเหล่านี้และเคยไอจามและเคยแพ้มีเพียงร้อยละ 8 ที่เหลือร้อยละ 42 เป็นพวกที่อาศัยอยู่ในบ้านที่มีระดับสิ่งสกปรกและความหลากหลายของเชื้อโรครองลงมา

          สรุปคือเด็กที่มีโอกาสสัมผัสกับสิ่งสกปรกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ขวบ มีอัตราไอจามและแพ้สารต่าง ๆ ต่ำกว่าเด็กที่ไม่ได้สัมผัส 3 เท่า

          มีการวิจารณ์ผลการวิจัย โดยเฉพาะทำไมเด็กอยู่บ้านสกปรกถึงเสี่ยงเป็นโรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้น้อยกว่าเด็กที่อยู่บ้านสะอาด ความเห็นในประเด็นนี้ที่น่าสนใจคือ เป็นธรรมชาติของเด็กอยู่แล้วที่ตอนยังเล็กมากเป็นต้องจับสิ่งของรอบตัวเข้าปาก ตั้งแต่ฝุ่นเศษขยะ มูลสัตว์ ไปจนถึงของเล่นชิ้นเล็ก ๆ คือเผลอไม่ได้ เป็นต้องจับเข้าปาก และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะธรรมชาติเด็กรู้ดีว่า สิ่งของเหล่านี้เป็นของดี และจำเป็นในการทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันโรคตอนโตขึ้น

          ซึ่งก็ตรงกับความเห็นของวงการกุมารแพทย์ที่ระบุว่า เด็กในช่วงแรกเกิดจนถึง 1 ขวบ มีการพัฒนาระบบภายในร่างกายครั้งสำคัญ โดยเฉพาะที่เป็นระบบสมองและระบบภูมิคุ้มกันโรค

          นอกจากนี้ที่อาจเห็นชัดเจนอีกอย่างก็คือ เด็กที่เติบโตในไร่นาและคอกปศุสัตว์ ซึ่งอยู่นอกเมือง มักมีสุขภาพดีกว่าเด็กที่เติบโตในเมือง และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีโอกาสสัมผัสผืนหญ้าที่เจือปนสิ่งสกปรก จนร่างกายต้องปรับระบบภูมิคุ้มกันเพื่อรองรับ

          ทั้งนี้ต้องระวังอย่าให้เด็กสัมผัสและจับต้องสิ่งสกปรกเมื่ออายุเลย 1 ขวบ เพราะเมื่อถึงตอนนี้เด็กจะไม่มีภาวะภูมิคุ้มกันโรคเหมือนก่อนหน้านี้ ดังนั้นเชื้อโรคที่ไม่เคยอันตรายจึงอันตราย

          อีกประเด็นก็คือ ไม่จำเป็นต้องทำให้บ้านสกปรก ถ้าอยากให้ลูกมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ที่ควรทำคือ หมั่นพาลูกไปนั่งบนสนามหญ้า และให้เล่นกับหญ้าหรือกับสิ่งของที่วางอยู่บนนั้น

          ระวัง ! อย่าให้ลูกอยู่ใกล้สิ่งที่อาจเป็นอันตราย และถ้าเป็นเวลาแดดจ้าควรให้สวมหมวก รวมทั้งสวมเสื้อผ้ามิดชิด ข่าวการวิจัยของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกิ้นส์ อยู่ที่เว็บไซต์ iflscience.com อยากให้อ่านกันมาก ๆ เพื่อทัศนะพ่อแม่ไทยต่อเด็กและความสกปรกจะได้เปลี่ยนไป





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปีที่ 38 ฉบับที่ 512 ตุลาคม 2557

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ปล่อยให้ลูกเล่นดิน และสิ่งสกปรกบ้าง อัปเดตล่าสุด 6 พฤศจิกายน 2557 เวลา 17:57:20 4,364 อ่าน
TOP
x close