สนช. ไฟเขียว กฎหมายอุ้มบุญ กำหนดต้องเป็นหญิงไทย อายุ 25 ปีขึ้นไป-เคยมีบุตรมาก่อน ระบุคู่สามี-ภรรยาจ้างอุ้มบุญได้ ต้องเป็นไทย-ไทย หรือไทย-คนต่างชาติ จดทะเบียนสมรส ไม่ต่ำกว่า 3 ปี
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วด้วยคะแนน 160 ต่อ 2 และงดออกเสียง 4 และให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
โดย นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานกมธ.วิสามัญฯ ชี้แจงว่า ในชั้น กมธ. ได้ปรับแก้ไขถ้อยคำ หลักสำคัญคือผู้หญิงสามารถอุ้มบุญได้ แต่ต้องปฏิบัติภายใต้เงื่อนไขกฎหมาย โดยกำหนดในมาตรา 21 เกี่ยวกับการจำแนกกลุ่มบุคคลที่จะทำการอุ้มบุญ เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรก สามีและภรรยา ที่เป็นคนไทยทั้งคู่ กลุ่มที่สองคือ ฝ่ายหนึ่งคนไทยอีกฝ่ายเป็นคนต่างชาติ ซึ่งทั้งสองกลุ่มอนุญาตให้หญิงไทยมาอุ้มบุญได้ แต่ต้องอายุ 25 ปีขึ้นไปและเคยมีบุตรมาก่อน
โดยเฉพาะกลุ่มที่สองจะต้องจดทะเบียนสมรสไม่น้อยกว่า 3 ปี และกลุ่มสุดท้ายป็นคนต่างชาติทั้งคู่นั้น ไม่อนุญาตให้จ้างหญิงไทยอุ้มบุญได้เพราะเกรงจะซ้ำรอยปัญหาเดิม มดลูกหญิงไทยจะกลายเป็นมดลูกโลก
อย่างไรก็ดีที่ประชุมต่างถกเถียงเสนอให้ตัดเนื้อหาของกลุ่มที่สามทิ้ง เนื่องจาก กมธ. ได้เพิ่มเนื้อหาว่า ถ้าทั้งสามีและภรรยามิได้มีสัญชาติไทย หญิงที่รับตั้งครรภ์ต้องมิใช่ผู้มีสัญชาติไทย โดยเห็นว่าเนื้อหากลุ่มนี้ไม่ควรต้องใส่ในร่าง พ.ร.บ. นี้ เพราะไม่เกี่ยวกับคนไทย ซึ่ง กมธ. ก็ยอมตัดออกไป
ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าว กำหนดหลักการเพื่อระบุสถานะบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย ของเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ตลอดจนการควบคุมการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เกี่ยวกับตัวอ่อนและเทคโนโลยีฯ ไม่ให้ใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ข้อห้ามในเรื่องของการตั้งครรภ์แทน สิทธิในการดูแลเด็ก นอกจากนี้ยังห้ามใช้เพื่อธุรกิจหรือผลประโยชน์ทางการค้า โดยมีบทลงโทษผู้กระทำผิด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
