ปอ ปุณยวีร์ คุณแม่แนวฟรีสไตล์ เน้นความสุขของลูกเป็นหลัก


คุณแม่ปอ - น้องแพรพัชร์
คุณแม่ปอ ปุณยวีร์ - น้องแพรพัชร์ สุขกุลวรเศรษฐ์

คุณแม่ปอ - น้องแพรพัชร์

คุณแม่ฟรีสไตล์เน้นความสุขของลูกเป็นหลัก (ภาพยนตร์บันเทิง)


          บอกกับตัวเองเสมอว่าโชคดีถึงแม้จะมีลูกตอนอายุมาก วัย 41 ปี แต่ลูกสาว น้องแพรพัชร์ สุขกุลวรเศรษฐ์ เป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายและมีพัฒนาการตามวัย ทำให้คุณแม่พิธีกรอย่าง ปอ ปุณยวีร์ สุขกุลวรเศรษฐ์ มีความสุข และอดภูมิใจไม่ได้ที่เลี้ยงดูน้องแพรพัชร์ให้เจริญเติบโตเป็นเด็กที่น่ารัก ร่าเริง มีสุขภาพแข็งแรงในวัย 3 ขวบ ด้วยวิธีการเลี้ยงแบบฟรีสไตล์สบาย ๆ

          หลังจากแต่งงาน ปอ ก็มีความใฝ่ฝันอยากจะมีลูก เพราะฉะนั้นไม่ว่าลูกจะงอแงจะร้องไห้เราสู้ไหว พอลูกอายุ 3 ขวบ เป็นเด็กที่มีพัฒนาการตามวัยป๊ะเลย แข็งแรงไม่มีเจ็บไข้ได้ป่วยให้ทุกข์ใจ เป็นเพราะเขากินนมแม่หรือเปล่า เขาเลี้ยงง่าย กินง่าย กินผักได้เกือบหมด ลูกกินอิ่มนอนหลับ สุขภาพแข็งแรง เราแฮปปี้ เรามองด้วยความภูมิใจเพราะเลี้ยงกันมาเองกับสามีคือ พี่เล็ก (ศิรเมศร์) ซึ่งเขาช่วยปอได้เยอะ ก็เลยรู้สึกว่า เฮ้ย...เราทำได้นี่หว่า จากตอนแรกที่เก้ ๆ กัง ๆ พยายามเรียนรู้อ่านหนังสือและเอาตามความคิดตามสไตล์ของเราเลย



 เลี้ยงลูกแบบฟรีสไตล์โดยเน้นที่ความสุขของลูกเป็นหลัก

          ในความคิดของเรามีลูกตอนอายุเยอะแล้ว ถามตัวเองและคุยกับแฟนเราต้องแนวทางเดียวกัน เราอยากให้ลูกเราเป็นเลิศทางวิชาการ หรือทางความคิด เรามีความคิดเหมือนกัน เราอยากให้ลูกเป็นเลิศในด้านความสุข สิ่งที่ ปอ จะเน้นคือแบบไทย ๆ เลยพาเขาไปรู้จักญาติผู้ใหญ่ให้เขากตัญญูรู้คุณ เป็นเด็กดีให้ใคร ๆ อยู่ใกล้เขาแล้วมีความสุขและรู้สึกรักเขา เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาไปตลอดรอดฝั่งอาจจะตายไปก่อน เราอยากให้คนเห็นลูกเราแล้วเอ็นดู เพราะวันหนึ่งถ้าเราไม่อยู่ ไม่ใช่ลูกเราเรียนเก่งมาก แต่เขาไม่มีเพื่อนไม่มีใครเอาเลย ญาติพี่น้องก็ไม่เอา เพราะอีโก้ฉันเก่งมีไอคิวแต่ไม่มีอีคิว เรามีความรู้สึกว่าอีคิวอยู่ได้นานกว่า ส่วนเรื่องไอคิวการเรียนแล้วแต่เขาจะเป็นอะไรอยู่ที่บุญที่กรรมที่เขาทำมา

          ปอเห็นบางคนเลี้ยงลูกมาดีมากแต่ชีวิตเขายังหักเหไปทางเกเรได้เลย ปอว่าเอาง่าย ๆ ให้เขามีความสุขก่อนดีกว่าแล้วโตขึ้นเขาจะไปเลือกเรียนอะไรแล้วแต่เขาเลย ถ้าลูกชอบเรียนดนตรีหรือกีฬาไปเลยลูก เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาจนแก่ตาย ถ้าเขาไปเข้าโรงเรียนดี ๆ หรือเอ็นทรานซ์ติดแต่เขาไม่มีความสุขทำไง ปอเคยเห็นมาแล้วอยากให้ลูกเรียนหมอ เอ็นทรานซ์ 3 ปี ลูกหัวฟูมา 3 ปี เรียนกวดวิชาหน้าสิวเขรอะจนเอ็นทรานซ์หมอติดแม่ก็ดีใจไปแต่ลูกล่ะอยากเรียนหรือเปล่า ปอไม่เอาหรอก ลูกอยากเรียนอะไรเรียนเลย เพราะเราไม่ได้อยู่กับเขาตลอดชีวิต

          เชื่อไหมปอเลี้ยงลูกแบบฟรีสไตล์จนแฟนปอบอก เอ้ย...เธอสบายไปหรือเปล่า อย่างลูกล้มก็ลุกเอง บางทีลูกมีน้ำมูกอยากกินไอติม เราบอกกินได้แต่จะไม่หายนะก็ให้กินนิดเดียว เหมือนบางอย่างต้องให้เขาทดลองด้วยตัวเอง เล่นลิ้นชักเราห้ามเท่าไหร่ไม่ฟัง มีวันหนึ่งเราปล่อยพอหนีบมือตั้งแต่นั้นไม่เล่นอีกเลย บางทีเราต้องปล่อยให้เขาเรียนรู้ ให้เขาเจ็บบ้าง แล้วเด็กสมัยนี้ต้องการเหตุผล เวลาเราดุอะไรเขา บอกอย่าทำ เขาจะถามทำไม เราต้องไม่เบื่อในการตอบเวลาเขามีคำถาม บางทีเขาถามจนเราไม่มีคำตอบต้องบอกเดี๋ยวก่อนนะแม่ไปหาคำตอบก่อน ถึงเราทำงานกลับมาเหนื่อยนะ แต่เราต้องไม่เบื่อในการตอบคำถามเขา เขาจะมีเหตุผลตลอด พอเราตอบให้เขาเข้าใจเขาก็จะไม่ถาม ปอเลี้ยงลูกฟรีสไตล์ทุกเรื่อง จนแฟนบอกปล่อยลูกไม่สนใจ ก็ปล่อยให้เขาเล่นเอง เพราะบางทีเขามีจินตนาการของเขา แต่ถ้าเขาบอกแม่อยากให้เล่นด้วย เราถึงจะเล่นกับเขาไม่ใช่ตามลูกตลอดล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ถ้าเขาต้องการเราก็จะมาทันที



คุณแม่ปอ - น้องแพรพัชร์

แม้แต่เรื่องการเรียนก็ไม่จำเป็นต้องเห่อตามกระแสเข้าโรงเรียนมีชื่อราคาแพงที่เน้นวิชาการมากเกินไป

          ปอ ไม่อยากให้ลูกเข้าอนุบาลที่เก่งวิชาการ อันดับแรกเราต้องถามตัวเองกลับไปตอนเด็ก ๆ เรามีความสุขเพราะอะไร เรามีความสุขที่ได้ออกไปเล่นกิจกรรมข้างนอก เวลาเราเจออะไรเครียดเราไม่ชอบเลย บางทีเราไม่ชอบเลขแต่ก็ต้องเรียนเพราะครูบังคับ แต่โรงเรียนอนุบาลที่ แพรพัชร์ เรียนคือเพลินพัฒนา เขาจะค่อย ๆ ปลูกฝังการศึกษาของเด็กให้ซึมไปจนเด็กค้นพบตัวเองว่าชอบเรียนอะไร แต่เขาจะสอดแทรกวิชาภาษาอังกฤษ วิชาภาษาไทย ผ่านการเล่นเขาถึงเรียกว่าเพลย์แอนด์เลิร์น ทำให้เด็กไม่กลัววิชาที่จะต้องเรียนแต่จะชอบ และในที่สุดจะรู้เองว่าชอบอะไร เรามองว่าสมัยนี้เด็กมีการแข่งขันกันสูงแล้วมันเกิดความเครียด ปอว่าในวัยของเขา เรียนอนุบาลเขาต้องมีความสุข ตอนเราเด็ก ๆ เข้าโรงเรียน 5-6 ขวบ แต่แฟนปอบอกเด็กอนุบาลความจำดี ถ้ามีอะไรต้องอัดเข้าไปตอนนี้ เราบอกไม่ได้หรอกอัดเข้าไปเยอะ ๆ เขาเล็กเกินไป มันต้องค่อยเป็นค่อยไป

          ปอว่าเด็กวัยนี้ไม่ต้องเรียนอะไรมากหรอก บางคนให้ลูกเรียนเยอะแยะโดยบอกว่าลูกชอบ ถามเขาหรือเปล่า ปอจะให้เรียนภาษาอังกฤษบ้าง ซึ่งปอก็เน้นโดยจ้างครูมาสอนที่บ้านแต่ให้เรียน 3 วันพอเดี๋ยวเขาจะเครียดเกินไป ซึ่งครูที่มาสอนก็สอนแบบไม่เป็นวิชาการมากสอนจากสิ่งที่อยู่รอบตัว เราก็โอเค และสิ่งที่เขาได้กลับมาคือความสุข เขาอยากไปโรงเรียน วัน ๆ ไม่มีอะไรเขาเล่นปั้นดินปั้นทรายปั้นดินน้ำมัน จะมีจินตนาการของตัวเองไปเจออะไรมาจะปั้นแบบนั้น ครูบอกให้เขาวาดรูปตัวเองเขาก็วาดได้เขามีจินตนาการของเขา และ ปอ ชอบเวลาลูกไปเรียนแล้วมีความสุข ครูบอกว่าแพรพัชร์เป็นเด็กที่มีจินตนาการมากคุยเป็นตัวละคร และแต่งเรื่องเก่งมากเป็นเรื่องเป็นราวมาจากนิทานมั้งที่ปอเล่าให้เขาฟังวันละ 5-6 เรื่อง

          เวลาเขาเกเรบางอย่างเราก็สอนเขาด้วย การเล่านิทานให้ฟัง ให้ซึม ๆ ถ้าไปสอนห้ามทำโน่นห้ามทำนี่เหมือนไปบังคับเขาจะทำตรงข้าม เราก็จะสอนโดยการเล่านิทานให้ฟัง กลางคืนเราสอนเขาใช้วิธีเล่านิทานโดยแต่งเรื่องขึ้นมาเอง เขาก็ชอบด้วยบอกให้เล่าอีก เด็กสมัยนี้ต้องใช้จิตวิทยาและลูกล่อลูกชน เรารู้ว่าลูกเราเป็นเด็กที่บ้านิทานบ้าจินตนาการก็เอาสิ่งพวกนี้ไปสอน เด็กต้องอาศัยวิธีหลอกล่อ ถามว่าต้องตีไหม เราไม่คิดว่าการตีลูกแล้วจะทำให้ลูกจำแม่ปอตีลูกเก่งมากเรามีแต่ความน้อยใจแต่เด็กจนโตทำไมแม่ตีเจ็บขนาดนี้มันกลายเป็นคำถามทำไม ๆ ๆ เราไม่อยากให้ลูกเรามีคำถามแบบนั้น และพอเราใช้คำพูดดี ๆ หรือสอนดี ๆ เขาก็ฟังนี่หว่า



คุณแม่ปอ - น้องแพรพัชร์

ถึงจะฟรีสไตล์แค่ไหนแต่ก็ต้องมีกฎกติกา

          ปอ คุยกับหมอจิตวิทยาบ่อย ๆ ถ้าเราไปจำกัดเขาเรื่อย ๆ ต้องทำตามกฎแบบนี้เป๊ะ ๆ ๆ เหมือนเราไปปิดกั้นจินตนาการของเขา ต่อไปเด็กก็ไม่ต้องขวนขวายที่จะคิดอะไร รอให้พ่อแม่บอก จะไปเรียนที่ไหนพ่อแม่ต้องแนะนำให้ปอว่าเรากึ่ง ๆ เหมือนเป็นพี่เลี้ยงให้เขาดีกว่าให้เขาคิดเองแต่เราก็ต้องคอยมองมันเกินไปไหม ล้ำเส้นไปหรือเปล่า เราต้องคอยตะล่อมกลับมา ไม่ได้ฟรีสไตล์แบบจะเกเรหรือไปเที่ยวแม่ไม่เคยว่าไม่ใช่ มันต้องมีกฎกติกามีเหตุผลให้ลูกรู้ว่าทำไมไม่ได้ สมัยเราเด็ก ๆ แม่บอกไม่ได้ ๆ ๆ เราก็ทำไมไม่ได้แม่บอกก็มันไม่ดีแค่นี้ไม่ได้มีเหตุผลอะไร แต่เราต้องบอกลูกไม่ได้เพราะอะไร



ต่อยอดจินตนาการของลูกด้วยการพาไปเที่ยว

          เวลาว่าง ปอ จะพาเขาไปเที่ยวทะเล ไปสวนสามพราน เขาชอบดูช้างชี่ช้างได้ไม่ร้อง เขาชอบมาก ชอบดูสัตว์พอเราเล่าให้เขาฟังและพาไปดูของจริงเขาชอบมากเหมือนเขามีจินตนาการของเขา ยิ่งทะเลชอบมาก พอเริ่มคลานเขาลงทะเลเลย นอกจากความสุขของลูกที่ได้ไปเที่ยวแล้วยังเสริมสร้างจินตนาการด้วย ปอว่ายิ่งเด็กเนี่ยยิ่งพาเขาไปดูโลกภายนอกเยอะ อาจจะทำให้เขาค้นพบตัวเองได้เร็วกว่า ว่านี่คือสิ่งที่เขาขอบ ปอพาลูกไปเจออะไรหลายอย่างอาจทำให้เขาค้นพบตัวเองเร็วก็ได้ หรือเป็นการต่อยอดจินตนาการทำให้เขารู้ว่ามีของจริง”






ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ปีที่ 40 วันที่ 6-19 สิงหาคม 2557 Vol.1886



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ปอ ปุณยวีร์ คุณแม่แนวฟรีสไตล์ เน้นความสุขของลูกเป็นหลัก อัปเดตล่าสุด 11 สิงหาคม 2557 เวลา 08:53:12 3,935 อ่าน
TOP
x close