
แม่ท้องต้องระวังอีสุกอีใส (รักลูก)
โดย : ก้านแก้ว
อีสุกอีใส มีอาการที่นำความรำคาญมาให้อย่างชัดเจนก็คือ ตุ่มใสที่ขึ้นแทบทุกส่วนของร่างกาย แต่ถ้าเป็นอีสุกอีใสตอนตั้งครรภ์อาจติดต่อไปถึงลูกในท้อง และมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้

โรคอีสุกอีใสคือการติดเชื้อไวรัส Varicella-Zoster ส่วนใหญ่จะพบในเด็ก เพราะในแม่ตั้งครรภ์จะมีภูมิคุ้มกันอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยพบการติดเชื้อไวรัสนี้ แต่สิ่งที่น่ากังวลหากคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอีสุกอีใส คืออาการแทรกซ้อนจากโรค เช่น อาการปอดบวม สมองอักเสบ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบค่ะ
โดยอาการของโรคอีสุกอีใสที่สามารถสังเกตได้คือ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บคอ อ่อนเพลียและปวดเมื่อยอยู่ประมาณ 1-2 วัน จากนั้นอาการไข้จะลดลง อาการต่าง ๆ จะดีขึ้น แต่ผิวหนังจะขึ้นผื่นอย่างรวดเร็ว ทั้งใบหน้า ลำตัว หนังศีรษะ แขนขา และเยื่อบุช่องปาก และในวันต่อมา ผื่นจะกลายเป็นตุ่มพองมีน้ำใสอยู่ในตุ่มนาน 4-6 วัน จากนั้นจะเริ่มตกสะเก็ดประมาณ 1-3 วัน และแผลจะจางลงเป็นปกติใน 2 สัปดาห์
โรคอีสุกอีใสสามารถติดต่อได้จากการสัมผัส ทั้งจากในอากาศ การไอ จาม การหายใจ และสัมผัสผื่นโดยตรงที่ผิวหนังหรือเสื้อผ้าผู้ป่วย โดยจะมีระยะฟักตัวของโรค 10-21 วัน และเริ่มแพร่เชื้อได้ในช่วง 5 วันก่อนผื่นขึ้น จนกระทั่งเมื่อตุ่มน้ำแห้งแตกเป็นสะเก็ดหมดแล้ว ระยะแพร่เชื้อจะนานถึง 7-10 วันค่ะ

ไม่เพียงแต่คุณแม่ตั้งครรภ์จะได้รับผลกระทบจากอีสุกอีใสเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงลูกในท้องด้วย โดยพบว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นอีสุกอีใสจะมีการติดเชื้อไปยังลูกน้อยถึงร้อยละ 10 ซึ่งมีความเสี่ยงพอ ๆ กันในทุกไตรมาสของการตั้งครรภ์ แต่การติดเชื้อในไตรมาสแรกจะมีความรุนแรงที่สุด เนื่องจากเชื้อโรคผ่านรกไปยังลูกน้อยในช่วงของการสร้างอวัยวะ จึงอาจเกิดผลกระทบทำให้ลูกสมองฝ่อ มีความผิดปกติของกระดูกขาและผิวหนังได้
ส่วนการติดเชื้อในไตรมาสที่สองและสามนั้น ลูกน้อยมีโอกาสเกิดความพิการได้น้อย มีข้อมูลพบว่า คุณแม่ที่ติดเชื้อก่อนอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ จะพบลูกน้อยพิการได้ร้อยละ 2 แต่ถ้าติดเชื้ออีสุกอีใสหลัง 20 สัปดาห์จะไม่พบปัญหานี้


เป็นช่วงที่มีผลกระทบกับลูกน้อยในท้องมากที่สุด โดยพบว่า ลูกมีความเสี่ยงที่จะพิการร้อยละ 2-5 รวมทั้งยังมีความเสี่ยงต่อการแท้ง คลอดก่อนกำหนด ทารกเติบโตช้าในครรภ์และเสียชีวิตในครรภ์ได้ และคุณแม่ต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างภาวะปอดอักเสบ ซึ่งหากมีอาการนี้ คุณหมอก็จะให้ยาต้านไวรัส Acyclovir เพิ่มเติมให้ด้วย

ช่วงนี้ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยที่ลูกจะติดเชื้ออีสุกอีใส แต่คุณหมอก็จะคอยดูแลอย่างใกล้ชิดค่ะ

ลูกน้อยอาจมีการติดเชื้ออีสุกอีใสจากแม่ได้ร้อยละ 30 แต่ทันทีหลังคลอด คุณหมอจะฉีดอิมมูโนโกลบูลิน (ยาต้านไวรัส) ให้ลูก จะสามารถลดการติดเชื้อลงได้

หากลูกน้อยติดเชื้ออีสุกอีใสในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ จะเกิดความผิดปกติแต่กำเนิดได้ดังนี้
ผิวหนังและแขนขามีแผลเป็น แขนขาลีบ ผิวหนังเข้ม สมองฝ่อ ศีรษะเล็ก สมองอักเสบ ชัก ปัญญาอ่อน อัมพาต ตาเล็ก ประสาทตาฝ่อ ต้อกระจก น้ำหนักน้อยผิดปกติ
7 วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นอีสุกอีใส









โรคอีสุกอีใสสามารถป้องกันได้จากการฉีดวัคซีน แต่ถ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่ควรฉีดวัคซีน เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อลูกในท้องได้ หากกำลังวางแผนจะตั้งครรภ์ควรฉีดวัคซีนอีสุกอีใสก่อนตั้งครภ์ 1-3 เดือน และการหลีกเลี่ยงไม่ไปสัมผัสกับคนที่กำลังเป็นโรคอีสุกอีใสก็เป็นวิธีป้องกันที่ได้ผลเหมือนกันค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
