อาการ..ซึมเศร้าหลังคลอด

ดูแลตัวเองหลังคลอด

ซึมเศร้าหลังคลอด
(รักลูก)
โดย : เพียงขวัญ

         แม่หลังคลอดที่มีอาการซึมเศร้าไม่รุนแรง ไม่ใช่อาการทางจิตเวชจึงไม่มียารักษาได้ การรักษาจึงเป็นเรื่องของการดูแลและปรับสภาพจิตใจของคุณแม่เป็นหลัก และเป็นอาการที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน เพราะส่งผลเสียต่อทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยที่อยู่ในช่วงดื่มนมแม่และต้องการความรักและความอบอุ่นจากคุณแม่เป็นสำคัญค่ะ

ทำไมถึงเศร้า?

         ปกติแม่หลังคลอดควรจะดีใจสุขใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการคลอดปกติ ไม่มีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เกิดขึ้น ทั้งกับตัวคุณแม่และเจ้าตัวน้อย แต่คุณแม่กลุ่มหนึ่งกลับมีอาการดังนี้ เหมือนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เครียด หดหู่ น้อยใจสามีและคนรอบข้าง ร้องไห้ไม่มีเหตุผล วิตกกังวลสูง

         ทั้งหมดนี้คืออาการที่เรียกว่า อาการซึมเศร้าหลังคลอด โดยมีสาเหตุดังนี้

         ปัญหาระหว่างคลอด : คุณแม่ที่มีปัญหาระหว่างการคลอด เมื่อคลอดแล้วมักจะเกิดอาการซึมเศร้าค่อนข้างสูง เช่น มีอาการเจ็บปวดในระหว่างการคลอดมาก หรือหลังคลอดแล้วทารกไม่เป็นไปดังที่คาดหวังไว้ เช่น น้ำหนักน้อย มีปัญหาเรื่องการหายใจ ตัวเขียว เหลือง (ความจริงแล้วลูกตัวเหลืองเป็นเรื่องปกติ แต่คุณแม่หลาย ๆ ท่านก็กังวล) จนทำให้มีอาการซึมเศร้าได้

         ความไม่สบายตัว : เช่น หลังคลอดแล้วรู้สึกเจ็บแผล รู้สึกไม่สบายตัว พักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอนมาก ๆ

         ปัญหาครอบครัว : การไม่พร้อมในหลาย ๆ เรื่องของครอบครัวมีส่วนกระตุ้นให้เกิดปัญหานี้ได้ เช่น สภาพเศรษฐกิจ ไม่มีคนช่วยเลี้ยงลูก ฯลฯ

         กังวลเรื่องการเลี้ยงลูก : เช่น กลัวจะเลี้ยงลูกได้ไม่ดี ไม่รู้จะอุ้มลูกอย่างไร ต้องอาบน้ำลูกเองให้เป็น ฯลฯ

         กลัวไม่เป็นที่รักของสามี : เนื่องจากสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป เวลาส่วนใหญ่ก็หมดไปกับการเลี้ยงลูก กลัวสามีจะนอกใจ เพราะระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอดใหม่ ๆ ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กับสามีได้ ก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ และอาจทำให้ซึมเศร้าในที่สุด

ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนทำให้เศร้าหรือไม่?

         มีงานวิจัยและรายงานไว้เมื่อปี 1994 ว่าคุณแม่ที่ซึมเศร้าจะมีโปรเจสเตอร์โรนระหว่างตั้งครรภ์สูงกว่าค่ามาตรฐาน โดยทั่วไป แต่ไม่ได้แจ้งตัวเลขว่าค่ามาตรฐานเป็นเท่าไร และหลังคลอดระดับฮอร์โมนก็จะต่ำมาก ๆ จึงเชื่อว่าระดับโปรเจสเตอร์โรนที่ลดลงอย่างรวดเร็ว มีผลให้เกิดอาการซึมเศร้าหลังคลอดได้ แต่การศึกษายังค้างอยู่แค่นั้น และไม่มีใครรายงานต่อ ส่วนแฮริสเองก็ยังไม่สรุปว่าอาการซึมเศร้าหลังคลอดเกี่ยวกับโปรเจสเตอร์โรนจริงหรือไม่ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการรักษาด้วยการให้โปรเจสเตอร์โรนกับคุณแม่ซึมเศร้า

อาการซึมเศร้าหลังคลอดส่งผลต่อแม่และทารกอย่างไร

         ผลต่อตัวคุณแม่ : ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว เพราะว่าแม่หลังคลอดกว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติจะต้องอาศัยอาหารที่ถูกสัดส่วนด้วย แต่พอซึมเศร้าคุณแม่มักกินอาหารได้ไม่ดี นอกจากนั้นก็ยังมีภาระในการเลี้ยงลูกซึ่งต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พอกินไม่ได้นอนไม่หลับ สุขภาพก็จะแย่ลง การเลี้ยงดูลูกก็พลอยแย่ลงไปด้วย

         ผลต่อลูกน้อย : มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต ได้รับการเลี้ยงไม่ถูกต้อง การดูแลไม่ถูกต้อง ที่ร้ายมาก ๆ ก็อาจถึงขั้นทิ้งลูกหรือทำร้ายลูก

ระดับของภาวะซึมเศร้าหลังคลอด แบ่งได้เป็น 3 ระดับ

          1. postpartum blues เป็นอาการในระดับอ่อนและเกิดเร็วที่สุด โดยจะเริ่มเป็นภายใน 2-3 วันแรกหลังคลอด และจะคงอยู่ต่อไปเรื่อ ยๆ แต่โดยทั่วไปมักไม่นานเกิน 10 วันหรือไม่เกิน 2 สัปดาห์ คุณแม่ที่มีอาการในระดับนี้จะรู้สึกวิตกกังวล หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ฉุนเฉียวง่าย นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย มีอาการเศร้า เหงา เบื่ออาหาร ซึ่งอาการจะไม่ค่อยรุนแรงมากนัก ลักษณะเหมือนคนหงุดหงิดทั่ว ๆ ไป ไม่กระทบต่อสุขภาพมากนัก เช่น เบื่ออาหารก็อาจจะรับประทานน้อยลง แต่ไม่ถึงกับกินไม่ได้เลย กลุ่มนี้จะมี 50-70% ของแม่ที่มีอาการซึมเศร้าหลังคลอด

          2. postpartum depression อาการจะรุนแรงมากขึ้น โดยจะเริ่มตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป และอาจจะคงอยู่ส่วนใหญ่ประมาณ 4 สัปดาห์ คือไม่เกิน 1 เดือน เป็นอาการต่อเนื่องกับระดับแรก คือ ถ้าซึมเศร้าเกิน 2 สัปดาห์เมื่อไหร่ก็จะถือว่าเป็นระดับนี้ ลักษณะอาการจะเหมือนกลุ่มแรกทั้งหมด แต่มีระดับความรุนแรงมากขึ้น หลาย ๆ อาการจะเริ่มรบกวนชีวิตประจำวัน เช่น ไม่กิน ไม่ลุกจากเตียง นอนร้องไห้ เลี้ยงดูลูกไม่ได้ ต้องมีคนเข้ามาช่วยมากขึ้น แต่กลุ่มนี้จะไม่ถึงกับหลุดไปจากโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ทำร้ายลูก ซึ่งจะพบได้ประมาณ 10-15%

          3. postpartum phychosis เป็นระดับรุนแรงที่สุด คือมีอาการของโรคทางจิตเวช เริ่มเกิดหลังจาก 4 สัปดาห์ แล้วก็คงอยู่จนกว่าการรักษาจะได้ผล ส่วนสาเหตุจะคล้ายกับ 2 กลุ่มแรก แต่ที่เพิ่มขึ้น คืออาจมีประวัติป่วยทางจิตเวชมาก่อน เช่น ระหว่างท้องอ่อน ๆ มีประวัติทำร้ายตัวเองมาก่อน หรือสมาชิกในครอบครัวมีประวัติทางจิตเวช หรือตัวเองเป็นอยู่แล้ว ก็จะมีอาการนำไปก่อนได้ง่ายขึ้น ลักษณะอาการกลุ่มนี้จะคล้ายกับไบโพล่าร์ คือเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย การแสดงอารมณ์จะไม่สัมพันธ์กับเหตุการณ์ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ แต่กลุ่มนี้จะแยกได้ง่าย คืออาการจะหลุดออกไปจากความเป็นจริง ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้เลย ในรายที่มีอาการมาก ๆ อาจทำร้ายลูก แต่พบได้น้อยประมาณ 01.-04% เท่านั้น

การรักษาอาการซึมเศร้าตามระดับดังนี้

         ในระดับ postpartum blues (ระดับ 1) และ postpartum depression (ระดับ 2) เป็นอาการที่ไม่มียาอะไรที่จะรักษาได้ แต่จะดูแลเรื่องของการปรับสภาพจิตใจ ซึ่งพบว่าเพียงแค่นี้ก็จะดีขึ้นเอง คือ มีคนเข้าใจ ให้กำลังใจ แม้บางทีไม่ได้เข้ามาช่วยแต่การถามไถ่ ให้กำลังใจก็สามารถช่วยได้แล้วค่ะ

         คุณแม่ที่ซึมเศร้าระดับที่ 2 ถ้ามีอาการนอนไม่หลับหรือกินอาหารไม่ได้จนอ่อนเพลียมาก ก็อาจต้องนอนพักในโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือ ให้สารอาหารบำรุงเพื่อไม่ให้สุขภาพคุณแม่แย่ลง

         คุณแม่ที่มีอาการในระดับ postpartum phychosis (ระดับ 3) จะต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะถ้าอยู่บ้านอาจจะทำร้ายลูก หรือฆ่าตัวตาย การรักษาก็จะต้องใช้ยาทางจิตเวช

การป้องกันอาการซึมเศร้าหลังคลอด

         ฝากครรภ์ : ดูแลภาวะการคลอดให้เป็นปกติมากที่สุด ในระหว่างตั้งครรภ์หากมีปัญหาที่รบกวนจิตใจก็ควรที่จะบอกกล่าวให้คุณหมอทราบ เพื่อที่คุณหมอจะได้ติดตามดูอาการ

         วางแผนครอบครัว : ทางการแพทย์พบว่าโรคนี้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ไม่พร้อมด้วยส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้นจึงต้องวางแผนครอบครัวตั้งแต่ต้น และมีลูกเมื่อพร้อม

         ดูแลสุขภาพ : ถ้าคุณแม่มีโรคประจำตัว เช่น โรคทางจิตเวช หรือโรคที่กระทบต่อการตั้งครรภ์ก็ควรรักษาให้หายก่อนจะตั้งครรภ์ เช่น ธัยรอยด์ เบาหวาน เพราะบางโรคเมื่อท้องแล้วอาการจะกำเริบมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้วิตกกังวลมากขึ้น จนอาจเกิดอาการซึมเศร้าได้ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อาการ..ซึมเศร้าหลังคลอด อัปเดตล่าสุด 26 ธันวาคม 2566 เวลา 16:27:26 19,002 อ่าน
TOP
x close