เลือดจาง อาการน่าห่วงของแม่ท้อง (Mother & Care)
สาเหตุของเลือดจาง
ปกติในเม็ดเลือดแดงจะมี "ฮีโมโกลบิน" สารโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสําคัญ ซึ่งในเวลาที่หายใจเข้า ฮีโมโกลบินจะทําหน้าที่นําออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย รวมถึงถ่ายออกซิเจนไปสู่รก เพื่อให้เซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของแม่และลูกในท้องทําหน้าที่ได้ตามปกติ
ภาวะเลือดจาง เกิดจากการที่ฮีโมโกลบินต่ำกว่าปกติ หรือมีเม็ดเลือดแดงปริมาณน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ ทําให้การลําเลียงออกซิเจนไปยังอวัยวะต่าง ๆ ได้ไม่ดี ซึ่งในช่วงตั้งท้องจะมีเลือดเพิ่มขึ้นมากกว่าในภาวะปกติ ทําให้ความเข้มข้น ของเลือดลดลง โดยระดับของฮีโมโกลบินในช่วงตั้งท้องจะค่อย ๆ ลดลงอยู่และจะกลับสู่ค่าปกติหลังคลอดลูกแล้วประมาณ 6 สัปดาห์ แต่คุณแม่ท้องต้องระวังไม่ให้ระดับฮีโมโกลบินต่ำกว่า 11 กรัมเปอร์เซ็นต์ เพราะจะทําให้เกิดภาวะเลือดจาง และหากเป็นมากก็จะอันตรายต่อแม่และลูกในท้อง
นอกจากนี้ ภาวะเลือดจางอาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้อีก เช่น การได้รับสารอาหารโดยเฉพาะธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ขาดกรดโฟเลต ริดสีดวงทวารเลือดออกเนื่องจากมีแผลในกระเพาะอาหาร หรือเป็นโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ เป็นต้น
อาการของเลือดจางในแม่ท้อง
หน้าซีด เหนื่อยง่าย เวียนหัวและเป็นลมบ่อย ๆ
หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นไม่สม่ำเสมอ
คลื่นไส้ เบื่ออาหาร
หากคุณแม่มีภาวะเลือดจางมากแล้ว อาจทําให้แท้งและคลอดก่อนกําหนด หรือระยะการคลอดนาน เนื่องจากมดลูกบีบรัดตัวไม่ดี นอกจากนี้ยังอาจทําให้คุณแม่มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย หรือตกเลือดระหว่างคลอดอีกด้วย
ทั้งนี้การที่คุณแม่มีภาวะเลือดจางในขณะตั้งครรภ์ เลือดที่ไปเลี้ยงรกจะมีออกซิเจนน้อยกว่าปกติ ทําให้ออกซิเจนที่ส่งไปยังลูกมีน้อยกว่าจํานวนที่ควรได้รับ ซึ่งอาจทําให้เกิดอันตรายต่อลูกได้ คือ
ทารกมีโอกาสพิการแต่กําเนิดสูง
คลอดก่อนกําหนดและทารกน้ำหนักน้อย
ทารกเสียชีวิตในครรภ์
ทารกคลอดออกมาแล้วเสียชีวิต
ทารกที่เกิดมาเป็นโรคเลือดจาง
แม่ท้องป้องกันเลือดจางได้อย่างไร?
ก่อนตั้งครรภ์ ควรมีการตรวจเช็กร่างกายก่อนว่ามีภาวะเลือดจางหรือไม่ ถ้าเป็นเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็กก็ควรกินอาหารเสริมให้ร่างกายเป็นปกติก่อนจึงตั้งครรภ์ และเมื่อตั้งครรภ์แล้ว ควรรีบไปฝากครรภ์เพื่อให้คุณหมอตรวจว่ามีภาวะเลือดจางหรือไม่
ส่วนใหญ่แล้วแม่ท้องที่เลือดจางนาน ๆ ระหว่างตั้งครรภ์ มักเกิดจากการขาดธาตุเหล็ก ดังนั้น คุณหมอจะให้ยาบํารุงเลือดที่มีธาตุเหล็กและวิตามินเสริมมาให้กินตลอดระยะที่ตั้งครรภ์และ 6 สัปดาห์หลังคลอด สําหรับคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็ควรจะได้รับธาตุเหล็กไปจนถึง 6 เดือนหลังคลอด เพื่อไม่ให้ร่างกายของคุณแม่ขาดธาตุเหล็กและเกิดภาวะเลือดจาง
ทั้งนี้ คุณแม่ต้องไม่ลืมที่จะดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และหากมีโรคต่าง ๆ ที่อาจทําให้เสียเลือด ก็ควรรีบไปปรึกษาคุณหมอเพื่อให้คุณหมอดูแลอย่างใกล้ชิดและรักษาอย่างถูกวิธีเพื่อลดการเสียเลือด
นอกจากนี้ การกินอาหารของคุณแม่ก็ยังช่วยให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดจางได้ โดยอาหารที่คุณแม่ควรกิน ในระหว่างท้องเพื่อเสริมธาตุเหล็กให้ร่างกาย มีดังนี้
โปรตีนจากเนื้อสัตว์ นอกเหนือจากเนื้อหมู ไก่ ไข่ และนมแล้ว คุณแม่ท้องควรกินปลาและอาหารทะเลอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง
โปรตีนจากพืช ได้แก่ ถั่วต่าง ๆ และผลิตผลจากถั่ว เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร เป็นต้น
ธัญพืช ผัก และผลไม้ เช่น ข้าวกล้อง จมูกข้าว แครอต แคนตาลูป ฟักทอง บร็อคโคลี ผักคะน้า เป็นต้น
คุณแม่ท้องจะต้องกินอาหารที่มีกากใยร่วมด้วย เพราะธาตุเหล็กจะทําให้ถ่ายยากและอุจจาระดําค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก