ไขความลับ!!! (Mother & Care )
วิธีถนอมจุดซ่อนเร้น
เรื่องของการดูแลสุขอนามัยในจุดซ่อนเร้น แม้จะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าไม่ใส่ใจให้ดี ก็อาจก่อให้เกิดกลิ่น ติดเชื้อ จึงต้องดูแลเป็นเศษ ไม่เว้นแม้ขณะตั้งครรภ์หรือหลังคลอด ซึ่งร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าปกติค่ะ
ตั้งครรภ์ ช่วงนี้จะมีปัญหาตกขาว คันจากเชื้อราจากความชื้นในช่องคลอด และต่อมรูขุมขน แถวปากช่องคลอดยังสร้างไขมันหรือเมือกมาก อาจเกิดการอุดตันได้ถ้าปล่อยให้อับชื้น หรืออบเหงื่อจนเป็นฝีตุ่มหนอง คุณแม่ยังปวดฉี่บ่อยอีก ถ้าทำความสะอาดไม่ดีพอ จะทำให้รู้สึกคัน อาจเกาจนกลายเป็นแผลกับจุดซ่อนเร้นได้ค่ะ
หลังคลอด จะมีปัญหาน้ำคาวปลาเจ็บแผลฝีเย็บ และเริ่มมีประจำเดือนตามปกติ ซึ่งทำให้รู้สึกไม่สบายตัวได้ จึงต้องดูแลให้มากเป็นพิเศษด้วยเคล็ดลับถนอมจุดซ่อนเร้น ซึ่งใช้ได้ทั้งตั้งครรภ์ไปถึงหลังคลอดค่ะ
Do & Don’t ถนอมจุดซ่อนเร้น
Do
ใช้น้ำสะอาดล้างให้ดี ถ้าจะใช้สายชำระหรือฝักบัวให้ฉีดจากบนลงล่าง อย่าฉีดสวนขึ้น
ใช้ผ้าสะอาดซับเบา ๆ ไม่เช็ดถูแรงจนถลอกและระคายเคือง และเลือกใช้กระดาษชำระสีขาว
ใช้ชุดชั้นในผ้าฝ้าย อากาศถ่ายเทดี ไม่ทำให้อับชื้น หรืองดใส่ชุดชั้นในบ้าง ไม่ให้เกิดการอับชื้นจากการติดเชื้อรา
หากช่วงหลังคลอดมีประจำเดือนใช้น้ำอุ่นล้างคราบเลือดก็พอ ห้ามฉีดน้ำสวนล้างในช่องคลอด เพราะช่วงนี้ปากมดลูกจะเปิด จึงเสี่ยงที่น้ำจะไหลย้อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก ทำให้เกิดอาการอักเสบตามมา
หากมีเพศสัมพันธ์ควรล้างทำความสะอาดคราบ ด้วยน้ำอุ่น เพื่อให้คราบหลุดได้ง่าย ไม่จับตัวเป็นก้อน
เวลาทำความสะอาดให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ย้อนจากกันมาด้านหน้า ซึ่งทำให้เชื้อโรคจากทวารหนักมาสู่แผลฝีเย็บและช่องคลอดได้
Don’t
ไม่ทำความสะอาดด้วยสบู่ก้อน เพราะจุดซ่อนเร้นมีสภาวะเป็นกรดอ่อน การใช้สบู่ที่เป็นด่าง อาจทำให้สภาวะความสมดุลเสียไปอาจเกิดการติดเชื้อได้ คุณแม่ควรใช้สบู่เหลวอนามัยที่ไม่ผสมน้ำหอมและแอลกอฮอล์
ไม่ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อสวนล้างช่องคลอด เพียงเพื่อจะให้แน่ใจว่าสะอาดจริง เพราะจะไปทำลายแบคทีเรียที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อโดยธรรมชาติ จึงเท่ากับเพิ่มโอกาสให้ติดเชื้อรามากอื่น
อย่าใช้แป้ง เพราะอาจเกาะติดขนเป็นก้อน แป้งอาจถูกดูดเข้าช่องคลอดโพรงมดลูก ท่อนำไข่ และตกลงบนรังไข่ ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งรังไข่ได้
ไม่ใช้ผ้าอนามัยชนิดสอด เพราะทำให้เกิดการอักเสบ หมั่นเปลี่ยนผ้าบ่อย ๆ ไปปล่อยให้ประจำเดือนชุ่มผ้าจนไม่สบายตัว และทำให้ผิวระคายเคือง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.6 No.72 ธันวาคม 2553