ในช่วงเวลา 2-3 สัปดาห์ก่อนคลอด คุณแม่จะสังเกตได้ว่าท้องของตัวเองต่ำลงหรือที่เรียกว่า "ท้องลด" โดยหน้าท้องจะยื่นออกมามากกว่าช่วงก่อนหน้านี้ นั่นเป็นเพราะทารกเริ่มเคลื่อนตัวลงมาอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่ากระดูกเชิงกราน เพื่อเตรียมความพร้อมโดยธรรมชาติสำหรับการคลอดที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อมดลูกลดระดับอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดันกะบังลมแล้ว คุณแม่จะรู้สึกได้ว่าตัวเองสามารถหายใจสะดวกมากขึ้นด้วยค่ะ
2. มดลูกมีอาการหดตัวอย่างรุนแรง
มดลูกมีลักษณะเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรง เมื่อถึงช่วงเวลาใกล้คลอดมดลูกจะมีการหดตัว เพื่อทำการเคลื่อนทารกไปอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำสุดของการคลอด จนในที่สุดมดลูกจะหดตัวเพื่อผลักดันทารกออกสู่โลกภายนอก ในช่วงเวลานี้คุณแม่จะรู้สึกเจ็บหลังส่วนล่างอยู่ตลอดเวลา โดยมดลูกจะมีการหดตัวอย่างรุนแรงและปวดถี่กระชั้นขึ้นเรื่อย ๆ ทุก 5-10 นาที ถือเป็นสัญญาณดีที่บ่งบอกว่าทารกกำลังใกล้คลอดเต็มทีแล้วนั่นเองค่ะ
การที่คุณแม่เป็นตะคริวในช่วงใกล้คลอดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนในร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดในร่างกายทำงานผิดปกติ หรือเส้นเลือดดำในอุ้งเชิงกรานถูกศีรษะของทารกกดทับ จึงเป็นสาเหตุทำให้เป็นตะคริวได้ง่ายค่ะ รวมถึงการขาดสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างแคลเซียมที่มีมากใน นม โยเกิร์ต ผักคะน้า ปลาซาร์ดีน กระเจี๊ยบ อัลมอนด์ ส้ม เมล็ดงา บรอกโคลี ข้าวโอ๊ต ถั่วขาว ถั่วแระ เต้าหู และแมกนีเซียมที่มีอยู่ใน ปลาทู อะโวคาโด กล้วย ดาร์กช็อกโกแลต เมล็ดทานตะวัน เม็ดมะม่วงหิมพานต์ รวมถึงการดื่มน้ำน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณแม่เป็นตะคริวในช่วงใกล้คลอดได้ง่ายเช่นกันค่ะ
4. มีอาการถ่ายอุจจาระบ่อย
นอกจากอาการปวดหลังแล้ว คุณแม่อาจมีอาการปวดท้องถ่ายอุจจาระบ่อย ๆ หรือมีอาการอยากจะอาเจียนด้วยค่ะ สาเหตุอาจเป็นเพราะร่างกายกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอด โดยการปล่อยของเสียให้ไหลผ่านระบบทางเดินอาหารออกมาอย่างรวดเร็ว และเป็นการกระตุ้นให้ลูกน้อยเตรียมเคลื่อนตัวออกจากครรภ์คุณแม่ในระยะเวลาที่เหมาะสมด้วยค่ะ
5. มีมูกเลือดไหลออกมาทางช่องคลอด
หากคุณแม่สังเกตเห็นว่ามีมูกเลือดเหนียว ๆ ไหลออกมา นั่นก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าคุณแม่ใกล้ถึงเวลาคลอดแล้วค่ะ เมื่อมดลูกเริ่มขยายตัวเปิดกว้างขึ้นอย่างเต็มที่ จนมีความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ทำให้ร่างกายได้ปล่อยเมือกที่ปิดกั้นอยู่ภายในปากมดลูกออกมา ประกอบกับเส้นเลือดบริเวณปากมดลูกที่มีการขยายตัวเพราะฮอร์โมนเกิดการฉีกขาด จึงทำให้มีเลือดไหลปนออกมาด้วย เมื่อคุณแม่เห็นว่ามีอาการตามที่กล่าวมานี้ ก็ควรรีบไปพบสูติแพทย์ทันทีค่ะ
ทารกเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่ดีในท้องของผู้หญิงที่โอบล้อมไปด้วยน้ำคร่ำ โดยถุงน้ำคร่ำที่มีลักษณะคล้ายน้ำปัสสาวะนั้น จะแตกออกหลายวันก่อนคลอดลูกหรือแตกในระหว่างที่คลอดลูกก็ได้ค่ะ แต่เมื่อน้ำคร่ำแตกโดยที่คุณแม่ไม่ทันตั้งตัว แนะนำให้รีบเดินทางมาพบสูติแพทย์โดยด่วนเลย เพราะทารกที่ไม่มีน้ำคร่ำโอบล้อมร่างกายในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์มารดานั้น อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นสูติแพทย์จึงจำเป็นต้องทำคลอดให้คุณแม่หลังจากที่น้ำคร่ำแตกภายในหนึ่งหรือสองวัน เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อยนั่นเอง
เมื่อคุณแม่มีอาการเจ็บท้องใกล้คลอด มดลูกจะแข็งตัว ทำให้เกิดอาการเจ็บท้องติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 5-8 ชั่วโมงและจะเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นรุนแรงในชั่วโมงสุดท้าย ทำให้คุณแม่ต้องออกแรงเบ่งทารกออกมาจากครรภ์ในที่สุดค่ะ
ในช่วง 3 สัปดาห์สุดท้ายก่อนถึงกำหนดคลอด ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณแม่ต้องคอยสังเกตอาการของตัวเองให้ดี หากมีอาการตามสัญญาณเตือนดังที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากในวันนี้ แสดงว่าคุณแม่ใกล้จะได้เห็นหน้าลูกน้อยเต็มทีแล้วล่ะค่ะ ทั้งนี้แนะนำให้รีบเข้าไปอยู่ในความดูแลของสูติแพทย์จะดีที่สุด เผื่อได้เวลาคลอดจะได้ไม่ฉุกละหุกและเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแม่และคุณลูกด้วยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : livescience.com, maerakluke.com, takingcharge.csh.umn.edu, livestrong.com