
น้ำคร่ำทำหน้าที่อะไรในท้องของแม่ตั้งครรภ์ วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปไขคำตอบจากนิตยสาร Mother & Care เรื่องของน้ำคร่ำ และสิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องทำความเข้าใจและพร้อมรับมือต่ออาการต่าง ๆ ในช่วงตั้งครรภ์เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยในครรภ์ แล้วน้ำคร่ำมีประโยชน์อย่างไร ? เรามีคำตอบมาบอกกัน ^^

การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดกับคุณแม่ในช่วงที่ตั้งครรภ์ เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นปกติ สำหรับหญิงตั้งครรภ์และเพื่อให้เข้าใจถึงการทำงานการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น เราจึงเตรียมข้อมูลเพื่ออธิบายถึงที่มาและความสำคัญของน้ำคร่ำมาบอกกันค่ะ



หลัง 16 สัปดาห์ไปแล้ว ปริมาณน้ำคร่ำ จะเพิ่มมากขึ้นตามอายุครรภ์ที่มากขึ้นโดย | |
อายุครรภ์ | มีน้ำคร่ำประมาณ |
12 สัปดาห์ | 50 มิลลิลิตร |
16 สัปดาห์ | 150-200 มิลลิลิตร |
20 สัปดาห์ | 400 มิลลิลิตร |
36 สัปดาห์ | 1,000 มิลลิลิตร |
สิ่งที่คุณแม่ต้องรู้และสังเกตไปด้วยคือ ไม่ว่าจะมีปริมาณมากหรือน้อยก็เป็นสาเหตุให้ลูกมีอาการผิดปกติได้
ปริมาณน้อย : ท้องอาจเล็กเกินไป ครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูง ทำให้ทารกขยับแขนขาไม่สะดวก ทำให้การเจริญเติบโตของลูกไม่ได้ และอาจพบร่วมกับอาการโครโมโซมผิดปกติ ไม่มีไตหรือท่อปัสสาวะอุดตัน




ปริมาณมาก : ทำให้ท้องใหญ่ผิดปกติ คลอดก่อนกำหนด เป็นโรคเบาหวานแทรกซ้อน ทารกอาจพบกับภาวะไม่มีกะโหลกไขสันหลังไม่ปิด



เมื่อลูกน้อยในครรภ์คุณแม่อายุครบ 20 สัปดาห์ น้ำคร่ำจะซึมผ่านไปมาทางผิวหนังไม่ได้อีกแล้ว จะมาจากทางปัสสาวะของทารก และทารกก็กลืนเอาน้ำคร่ำเข้าไปใหม่วนเวียนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป และการตรวจน้ำคร่ำก็สามารถบอกได้ถึงสุขภาพ ความแข็งแรง และการเติบโตของทารกในครรภ์ รวมไปถึงภาวะผิดปกติหรือโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ก็มีเงื่อนไขอยู่บ้างกับการตรวจน้ำคร่ำ เช่น ถ้าต้องเจาะน้ำคร่ำ ควรเจาะในช่วงอายุครรภ์ 16-18 สัปดาห์
อีกหนึ่งเรื่องที่อยากบอกไว้ล่วงหน้าคือ ช่วงที่คุณแม่จะคลอด จะมีน้ำใส ๆ ไหลออกมาที่เรียกกันว่าถุงน้ำคร่ำแตกหรือเรียกกันว่า น้ำเดิน ควรรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน ถ้าเกิดขึ้นก่อนอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ถือว่าอยู่ในภาวะอันตราย ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากคุณหมอ
น่าจะเคลียร์กับข้อมูลเรื่องน้ำคร่ำกันแล้ว เมื่อเกิดอะไรขึ้นคุณแม่จะได้ไม่ตกใจ กังวลใจรับมือกับเรื่องนี้อย่างเข้าใจค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.12 No.133 มกราคม 2559