เมื่อคุณแม่วัยทำงานตั้งครรภ์ การดูแลสุขภาพตัวเองและลูกในครรภ์ก็ต้องทำแบบควบคู่กันไปค่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมมีเกร็ดน่ารู้มาแนะนำคุณแม่ Working Woman ที่จะช่วยคลายความกังวลในช่วงตั้งครรภ์มาฝากค่ะ งั้นเรามาดู 5 ทริคดี ๆ จากนิตยสาร รักลูก กันค่ะ
เป็นแม่ท้อง Working Woman ก็ต้องบริหารทั้งงาน และการดูแลตัวเองให้บาลานซ์กันนะคะ เคล็ดลับต่อไปนี้ ช่วยได้ค่ะ
1. ปวดเมื่อย
เมื่อต้องนั่งทำงานนาน ๆ โดยเฉพาะนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ ไม่ค่อยเคลื่อนไหว ซึ่งการเกร็งกล้ามเนื้อโดยไม่รู้ตัวนาน ๆ นี้ ทำให้กล้ามเนื้ออักเสบ เกิดปวดเมื่อยคอ บ่า ไหล่ ตามมาได้
Tip : อันตรายค่ะ ถ้านั่งทำงานโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถเลยเกินกว่า 6 ชม. วิธีที่ดีคือหมั่นลุกเดินหรือเปลี่ยนกิจกรรมสั้น ๆ ทุก 1-2 ชม.
เมื่อมีอาการปวด เกร็งคอ กล้ามเนื้อหลัง ประคบด้วย ผ้าขนหนูอุ่น ๆ หรือเอนนอนสัก 20 นาทีเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย ห้ามกินยากลุ่มรักษากล้ามเนื้ออักเสบโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
2. ปวดข้อมือ
พบได้บ่อยในกรณีที่คุณแม่ใช้คอมพิวเตอร์ จับเม้าส์ท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน หรือกดแป้นคีย์บอร์ดแบบไม่มีตัวรองรับข้อมือ ซึ่งการกระดกข้อมือขึ้นลงซ้ำ ๆ จะทำให้เส้นเอ็นอักเสบ ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ หรือเกิดพังผืดหนาจนชาที่ปลายนิ้ว ซึ่งเป็นอาการที่เกิดได้ง่ายจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์อยู่แล้ว
Tip : จัดวางเครื่องคอมพิวเตอร์ เม้าส์ แป้นกด และแผ่นรองรับข้อมือ รวมถึงสวมผ้ารัดพันข้อมือ จะช่วยบรรเทาอาการได้
3. ปวดหลัง
การนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ บนเก้าอี้ที่ไม่มีพนักพิง หรือไม่พอดีตัว รวมถึงโต๊ะทำงานที่ไม่ได้ระดับ หรือการที่คุณแม่ท้องใส่รองเท้าส้นสูง ล้วนทำให้อาการปวดหลังที่มีอยู่แล้วขณะตั้งครรภ์มีมากขึ้น
Tip : ควรเปลี่ยนอิริยาบถทุก 1-2 ชม. เลือกใส่รองเท้าพื้นเตี้ยและหนาเสมอ เพราะต้องรองรับน้ำหนัก และลดแรงกระแทกได้
ควรจัดระดับโต๊ะทำงานให้สูงพอที่จะนั่งทำงานได้สบาย ไม่ทำให้โค้งตัวจนหลังค่อม เลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงพอเหมาะที่สำคัญควรมีเก้าอี้หรือม้านั่งเตี้ย ๆ รองเท้าสองข้างด้วย
4. กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
เมื่อมดลูกยืดขยายมากขึ้นจากการตั้งครรภ์ จะไปกดทับและเบียดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น แต่ด้วยภารกิจของงานอาจทำให้คุณแม่ลุกเข้าห้องน้ำไม่ได้ทันที กลายเป็นกลั้นปัสสาวะ โดยสรีระ ขณะตั้งครรภ์ทำให้น้ำปัสสาวะคั่งค้างได้ง่ายอยู่แล้ว เมื่อกลั้นบ่อยก็จะยิ่งเกิดการติดเชื้อจนเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ในที่สุด
Tip : ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบและไม่ได้รับการวินิจฉัย อาจทำให้ติดเชื้อรุนแรง นำไปสู่กรวยไตอักเสบ หรือติดเชื้อในกระแสเลือดจนเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์หรือชีวิตได้
5. กรดไหลย้อน
ภาวะงานที่เร่งด่วน อาจทำให้กินอาหารไม่ตรงมื้อ ไม่เป็นเวลา หรือรีบร้อนจนเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียดงานเลิกดึก ต้องประชุมเครียดจนอาหารไม่ย่อย และท้องอืด
โดยปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดปัญหากรดไหลย้อน จุกแน่นยอดอก บางคนเป็นมากจนนอนไม่หลับ ตอนเช้าตื่นมาอาจแสบยอดอกแสบคอ มีเสมหะและเสียงแหบทุกเช้าเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง
Tip : แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย ๆ มื้อละน้อย ๆ ตั้งไว้ข้างโต๊ะทำงาน เพื่อกินได้บ่อย ๆ จะช่วยให้ระบบย่อยดีขึ้น และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่สร้างแก๊ส เช่น ถั่ว น้ำผลไม้ กาแฟ ช็อกโกแลต น้ำอัดลม เป็นต้น
หากคุณแม่มีอาการกรดไหลย้อนเกิดขึ้นและรุนแรง ควรไปพบแพทย์ โดยยาในกลุ่มรักษากรดไหลย้อนส่วนใหญ่ปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์ แต่ที่สำคัญต้องหมั่นดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดีพร้อมต่อการทำงานอย่างมีความสุขทุกวันค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ปีที่ 33 ฉบับที่ 393 ตุลาคม 2558