ลมหายใจหนู...ห๊อมหอม

แปรงฟัน

ลมหายใจหนู...ห๊อมหอม
(M&C แม่และเด็ก)

            นอกจากฟันผุที่เป็นโรคฮิตของเด็ก ๆ แล้ว ปัญหาเรื่องกลิ่นปาก (แรงมาก) ของลูกก็ตามมาติด ๆ ร้อนแรงไม่ใช่เบา ยิ่งสำหรับเด็กบางคนด้วยแล้ว กินเก่งมาก ๆ เรียกได้ว่า นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นกิน ฉะนั้น คุณพ่อคุณแม่ห้ามปล่อยปัญหาเหล่านี้ลอยนวลเด็ดขาด เดี๋ยวโตขึ้นมามีกลิ่นปากแล้วจะไม่ค่อยงามเท่าไหร่นักค่ะ

กลิ่นปากในเด็ก

            สำหรับกลิ่นปากในเด็กนั้น โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือตอนสาย ๆ หน่อย กลิ่นอย่าให้เซด...รุนแรงมากคูณ 2 งานนี้เรียกว่า อย่าอยู่ใกล้เชียว คุณพ่อคุณแม่มีหวังสลบเหมือดกลางอากาศแน่ ๆ  อิ อิ ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อย ๆ มีดังต่อไปนี้

            สุขอนามัยไม่ดี มีเศษอาหารและเชื้อแบคทีเรียเหลือตามซอกฟัน

            เกิดจากฟันผุ เด็กบางรายไม่มีอาการปวดฟันแต่มีฟันผุก็ได้ค่ะ

            ไซนัสอักเสบทั้งเฉียบพลันและเรื้อรังสามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้

            คออักเสบ เด็กจะมีไข้เจ็บคอ จนทำให้มีกลิ่นปาก

            โรคภูมิแพ้ก็ทำให้มีเสมหะไหลไปที่คอทำให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นเดียวกัน

แปรงฟันยาก สาเหตุใหญ่

            เด็กในวัยนี้ จะยอมรับการแปรงฟันง่ายขึ้นเยอะค่ะ (เด็กบางคนก็ยังยากมากอยู่) แต่อาจจะบ่ายเบี่ยงหรือถ่วงเวลาไปเรื่อย ๆ เพราะรู้ภาษามากแล้ว ฉะนั้น แปรงฟันแต่ละทีก็ไม่ต้องวิ่งไล่จับหรือปลุกปล้ำให้เหนื่อยเหมือนแต่ก่อน มีวิธีง่าย ๆ มาฝากค่ะ ก็คือให้คุณแม่นั่งบนเก้าอี้ยาว หรือบนพื้น จากนั้นให้เจ้าตัวเล็กนอนหงายเก๋งเอาศีรษะหนุนตักคุณแม่ (แม่และลูกหันหน้าไปทางเดียวกัน) และเงยหน้าขึ้นมา วิธีนี้จะทำให้เห็นฟันชัดเจน และสามารถแปรงฟันได้ทั่วถึง รับรองลมหายใจหอมสดชื่นแน่นอนค่ะ

หนูอยากแปรงฟันเอง

            สำหรับกรณีอยากฝึกให้เจ้าตัวเล็กแปรงฟันด้วยตนเอง ช่วงวัยนี้ก็เริ่มฝึกได้แล้วค่ะ แต่อย่าได้ชะล่าใจปล่อยให้ฉายเดี่ยวเด็ดขาด อาจทำให้เกิดอาการฟันผุขึ้นมาได้ง่าย ๆ เกิดจากการที่แปรงฟันยังไม่สะอาด เนื่องจากเด็กในช่วงวัยนี้ ทักษะการใช้มือยังพัฒนาไม่ดีพอ ดังนั้น คุณแม่จำเป็นต้องช่วยแปรงซ้ำให้ทั่วทุกซี่หลังจากลูกแปรงเสร็จแล้วทุก ๆ ครั้งค่ะ จนเมื่อลูกอายุ 7 - 8 ปีขึ้นไปนั่นแหล่ะ การใช้มือแปรงฟันจะดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องแปรงซ้ำให้อีก เพียงแค่ตรวจดูว่าสะอาดหรือยังเท่านั้น

แปรงสีฟันของลูก

            อาวุธคู่ปาก ก็ต้องมีการคัดสรรกันหน่อยค่ะ เดี๋ยวนี้ ในท้องตลาดก็มีแบบแบ่งประเภทแปรงสีฟันตามขนาดอายุของผู้ใช้ให้เลือกซื้อมากกว่าแต่ก่อนเยอะค่ะ ซึ่งแปรงสีฟันที่ดีไม่จำเป็นต้องราคาแพงเสมอไปค่ะ โดยให้ดูดังต่อไปนี้

หัวแปรงควรมน ไม่เป็นเหลี่ยมมุม

            ขนาดไม่ควรใหญ่เกินไปนัก สามารถเข้าไปทำความสะอาดฟันทุกซี่ในช่องปากได้ง่าย

ขนแปรงควรมีลักษณะดังนี้

            1.ไนล่อน ชนิดอ่อนนุ่ม

            2.เป็นกระจุกมี 3 - 4 แถว เพื่อช่วยพยุงซึ่งกันและกัน เมื่อได้รับแรงกดเวลาแปรงฟัน

            3.ขนแปรงแต่ละเส้นมีการมนปลาย เพื่อไม่ให้ปลายคมขรุขระ ที่อาจเกิดอันตรายต่อเหงือกและฟัน

ยาสีฟัน..ก็สำคัญ

            การเลือกยาสีฟันนั้น ต้องคำนึงถึงส่วนประกอบที่สำคัญที่จะช่วยป้องกันฟันผุ อย่างที่เรารู้จักนั่นแหล่ะค่ะ ก็คือฟลูออไรด์ ซึ่งความเข้มข้นของฟลูออไรด์ในยาสีฟันทั่ว ๆ ไปที่วางขายตามท้องตลาด คือ 1000 ppm.(ppm, 1 ส่วนในล้านส่วน) ในเด็กแนะนำให้ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ในปริมาณต่ำกว่า 1000 ppm ปัจจุบันก็มียาสีฟันที่มีฟลูออไรด์น้อยคือ 800 หรือ 500 ppm. ที่ต้องใช้ให้ต่ำเพราะว่าในเด็กเล็กมักจะกลืนยาสีฟันระหว่างแปรงฟัน ทำให้ได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป และมีผลเสียก็คือ ทำให้ฟันแท้ซึ่งกำลังสร้างอยู่ในกระดูกขณะนั้น เมื่อขึ้นมาในช่องปากทำให้เกิดลักษณะฟันตกกระ ไม่สวยงาม ผิวไม่เรียบ ดังนั้น การใช้ยาสีฟันในเด็กวัยต่ำกว่า 7 ปี ควรใช้ปริมาณเล็กน้อยเท่ากับเม็ดถั่วเขียว หรือแค่แตะขนแปรงบาง ๆ ก็เพียงพอในการป้องกันฟันผุแล้วค่ะ

"แป้ง" อีกตัวการสำคัญ

            ผู้ใหญ่มักจะห้ามเด็ก ๆ ว่า ห้ามทานลูกอม ช็อกโกแลต หรือพวกของหวาน ๆ ทั้งหลาย หากไม่อยากฟันผุ แต่จริง ๆ แล้ว พวกแป้ง อย่างเช่น เฟรนช์ฟราย มันฝรั่งทอด ของโปรดของเด็ก ๆ เขาล่ะ ถึงไม่มีน้ำตาล แต่ก็เป็นบ่อเกิดทำให้เกิดฟันผุได้เช่นกัน ถ้าเทียบกับช็อกโกแลตอาจทำให้ฟันผุได้ง่ายกว่าอีกด้วย



ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ลมหายใจหนู...ห๊อมหอม อัปเดตล่าสุด 10 กรกฎาคม 2558 เวลา 17:01:11 3,290 อ่าน
TOP
x close