อาการเจ็บป่วยหรือไม่สบายของลูก ๆ ย่อมทำให้พ่อแม่รู้สึกปวดใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวที่มีลูกเป็นออทิสติก แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงที่ส่งผลต่อสุขภาพของลูก แต่ก็กลับสร้างความเป็นกังวลให้ครอบครัวไม่น้อย เพราะเด็กออทิสติกนี้ภายนอกอาจดูเป็นเด็กที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายไม่ต่างจากเด็กธรรมดาทั่วไป มีพัฒนาการทางด้านกล้ามเนื้อและเจริญเติบโตได้ปกติตามวัย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือพัฒนาการทางด้านภาษา การสื่อสาร การแสดงท่าทาง และพัฒนาการในด้านสังคมที่ช้ากว่า
ทั้งนี้ โรคออทิสติก เป็นที่รู้จักมาเป็นเวลา 60 ปีแล้ว มีแนวโน้มสูงขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือกับโรคออทิสติกได้ หากรู้เท่าทันและใส่ใจดูแลลูกแบบใกล้ชิด ฉะนั้นหากบ้านไหนที่กำลังสงสัยว่าจะทราบได้อย่างไรว่าลูกเป็นออทิสติก เกิดจากอะไร ออทิสติกรักษาหายไหม และมีวิธีเลี้ยงเด็กออทิสติกอย่างไรบ้าง ลองมาทำความเข้าใจเพิ่มเติมกันค่ะ
ออทิสติก คืออะไร
ออทิสติก เกิดจากอะไร
ออทิสติกมีกี่ระดับ
ภาวะออทิสติกมีอาการแตกต่างกันหลายระดับ ตั้งแต่น้อยไปหามาก และสามารถมีพัฒนาการดีขึ้นได้ ซึ่งอาการอาจเปลี่ยนไปตามวัยของเด็ก โดยทั่วไปจะจำแนกเป็น 3 ระดับดังนี้
- ระดับกลุ่มที่มีอาการน้อย ส่วนใหญ่จะมีระดับสติปัญญาปกติหรือสูงกว่าปกติ มีพัฒนาการทางภาษาดีกว่ากลุ่มอื่น แต่ยังมีความบกพร่องด้านทักษะสังคม การรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของบุคคลอื่น บางครั้งเรียกว่า กลุ่มออทิสติกที่มีศักยภาพสูง (High function)
- ระดับกลุ่มที่มีอาการปานกลาง กลุ่มนี้จะมีพัฒนาการทางด้านภาษา การสื่อสาร ทักษะสังคม การเรียนรู้และการช่วยเหลือตนเองล่าช้า มีพฤติกรรมกระตุ้นตนเองหรือลักษณะอาการที่ทำอะไรซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน เช่น โยกตัว สะบัดมือ กลิ้งของเล่นไปมา เป็นต้น
- ระดับกลุ่มที่มีอาการรุนแรง กลุ่มนี้มักจะมีความล่าช้าในพัฒนาการเกือบทุกด้านตั้งแต่วัยเด็กและอาจเกิดร่วมกับภาวะอื่น เช่น ภาวะปัญญาอ่อน ปัญหาทางอารมณ์ก้าวร้าวรุนแรง
วิธีสังเกตลูกเป็นออทิสติก
อายุ | อาการ |
6 เดือน | ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่แสดงอารมณ์สนุกสนาน |
9 เดือน | ไม่สบตา ไม่ส่งเสียง ยิ้ม หรือแสดงสีหน้าโต้ตอบกลับไปมา ไม่ชอบให้อุ้ม |
12 เดือน | ไม่หันหาเสียงเรียกชื่อ ไม่เล่นน้ำลาย ไม่แสดงท่าทีเรียกร้องความสนใจ |
1-2 ขวบ | พูดช้า พูดคำซ้ำ ๆ พูดด้วยภาษาของตัวเองที่คนอื่นฟังไม่เข้าใจ พูดติด ๆ ขัด ๆ ไม่ชี้ไปที่ของที่อยากได้ สนใจวัตถุเฉพาะส่วน ชอบจ้องมองสิ่งของที่เป็นแสงวาววับ แสงไฟ หรือของหมุน ๆ เช่น พัดลม ล้อรถ |
2-5 ปี | ไม่มองหน้า พูดด้วยโทนเสียงที่ผิดปกติ พูดไม่ชัดมาก ๆ เริ่มเล่นมือ ชอบแยกตัวโดดเดี่ยว ไม่สนใจใคร ไม่โต้ตอบกับคำพูด ไม่มีทีท่าสนใจต่อเสียงเรียก ชอบทำกิจกรรมเดิมซ้ำ ๆ รับการเปลี่ยนแปลงไม่ค่อยได้ ไม่เล่นสมมติตามวัย ชอบเล่นคนเดียวหรืออยู่คนเดียว ไม่สามารถสนทนากับผู้อื่นได้นาน ๆ ไม่มีเพื่อนสนิทตามวัย |
ลูกเป็นออทิสติก รักษาหายไหม ดูแลอย่างไรดี
การกระตุ้นพัฒนาการ
พฤติกรรมบำบัด
ส่งเสริมความสามารถเด็ก
การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
การจัดการศึกษาที่เหมาะสม
การใช้ยารักษา
การใช้ยาเป็นวิธีที่มุ่งบำบัดเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการรักษาโรคให้หายขาด โดยจะมีการใช้ยาเฉพาะรายที่มีความจำเป็น เช่น อาการขาดสมาธิ มีพฤติกรรมก้าวร้าว ซนอยู่ไม่นิ่ง หรือกระตุ้นตนเอง ทั้งนี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ควบคู่ไปกับการฝึกกระตุ้นพัฒนาการและพฤติกรรมข้างต้น
เมื่อลูกเป็นออทิสติก ครอบครัวจำเป็นที่จะต้องยอมรับและอยู่เคียงข้าง เพราะพวกเขายังสามารถพัฒนาศักยภาพได้เรื่อย ๆ หากได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกต้องเหมาะสมตั้งแต่แรกพบและต่อเนื่องค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : rajanukul.go.th, bumrungrad.com, vichaiyut.com, nakornthon.com