ทารกกินน้ำได้ตอนไหน ? ไขข้อสงสัยคาใจคุณแม่ ทำไมทารกห้ามกินน้ำ

          เรื่องนี้องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ทารกแรกเกิดควรเลี้ยงด้วยนมแม่อย่างเดียว ไม่ต้องดื่มน้ำเปล่าหรือให้อาหารเสริมใด ๆ นั่นเป็นเพราะว่าในนมแม่มีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 80% ซึ่งเป็นปริมาณน้ำและสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของทารกอยู่แล้ว การที่ให้ลูกกินน้ำเข้าไปอีกจะทำให้ร่างกายของทารกได้รับน้ำมากเกินไป นอกจากจะทำให้อิ่มเร็วแล้ว ยังส่งผลให้กินนมได้น้อยลง เกลือแร่ในร่างกายเกิดการเจือจาง น้ำหนักไม่ขึ้นตามเกณฑ์อีกด้วย

          ทั้งนี้ นมแม่ยังมีสารต้านเชื้อราที่จะเกิดในช่องปากทารก จึงไม่จำเป็นต้องป้อนน้ำตามเพื่อล้างปาก หากคุณแม่อยากล้างปากให้ลูก แนะนำให้ใช้ผ้าอ้อมสะอาดพันที่นิ้ว ชุบน้ำต้มสุกสะอาด เช็ดเหงือก ช่องปาก กระพุ้งแก้ม ให้ลูกน้อยหลังอาบน้ำก็พอค่ะ ส่วนการแก้ปัญหาตัวเหลือง ไม่ควรเสริมน้ำหรือนมผง แต่ควรให้ลูกกินนมแม่บ่อย ๆ ดูดจริงจัง วันละ 8-10 มื้อ เพราะในน้ำนมส่วนหน้ามีแลคโตส ช่วยให้ขับถ่ายสารเหลืองออกทางอุจจาระได้ค่ะ

          การป้อนน้ำให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน อาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนี้

• ขาดสารอาหารที่จำเป็น

          เมื่อป้อนน้ำให้เด็กเล็กในปริมาณมาก มักจะทำให้เด็กกินนมแม่หรือนมผสมได้น้อยลง จึงทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อร่างกาย ถึงขั้นขาดสารอาหารได้ อีกทั้งยังทำให้คุณแม่มีโอกาสที่น้ำนมจะลดลงจากการที่ลูกดูดนมได้น้อยลงด้วย

• มีโอกาสติดเชื้อทางเดินอาหาร

          เด็กอายุต่ำกว่า 6-12 เดือน ไม่ควรกินน้ำกรอง หรือน้ำขวด โดยไม่ได้ผ่านการต้มก่อน เพราะภูมิต้านทานของเด็กยังน้อย จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางอาหารได้ง่าย

• ภาวะน้ำเป็นพิษ

          ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน การป้อนน้ำให้เด็กมากเกินไปจะทำให้ไตของเด็กซึ่งยังทำงานไม่เต็มที่ ไม่สามารถกรองของเหลวได้ทัน อีกทั้งอาจจะไปเจือจางความเข้มข้นของโซเดียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญของร่างกายที่ช่วยรักษาสมดุลน้ำระหว่างภายในและภายนอกเซลล์ เด็กที่ได้รับน้ำมากเกินกว่าร่างกายจะปรับสมดุลได้ อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่อสมอง เกิดสมองบวมและเสียชีวิตได้

          การให้ลูกน้อยกินน้ำควรเริ่มเมื่อลูกอายุ 6 เดือนค่ะ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ในร่างกายของลูกเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว โดยเด็กอายุ 6-12 เดือนที่เริ่มได้รับอาหารเสริมนอกจากนม อาจจะเริ่มให้ดูดน้ำจากแก้วหัดดื่มได้ เพื่อไม่ให้ข้าวฝืดคอ แต่ปริมาณไม่ต้องมากแค่ 2-3 ออนซ์ และควรให้หลังจากการกินอาหาร ไม่ควรให้ทดแทนนมแม่หรือนมผสม ที่สำคัญน้ำดื่มที่ป้อนให้เด็กควรเป็นน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว และควรทำความสะอาดภาชนะแก้วหรือขวดน้ำของเด็กเป็นประจำ เพราะเชื้อโรคจากภาชนะอาจทำให้เด็กท้องเสียได้

          หลังอายุ 1 ขวบ เด็กต้องกินอาหารหลัก 3 มื้อ และนมกลายเป็นอาหารเสริม ถึงเวลานั้นพ่อแม่สามารถให้ลูกดื่มน้ำได้ตามความต้องการของเด็กได้แล้ว

          ในกรณีลูกกินนมผง คุณแม่สามารถป้อนน้ำล้างปากตามได้เล็กน้อยเท่านั้น แค่ 2-3 หยดก็พอ เพื่อล้างคราบน้ำนมออกจากปาก เพราะปริมาณน้ำที่ใช้ชงนมผงเพียงพอกับความต้องการของทารกแล้ว  ยกเว้นเวลาที่ทารกมีไข้ อาการร้อนทำให้เสียเหงื่อมาก และลูกไม่อยากกินนมเพิ่มขึ้น อาจขอกินเฉพาะน้ำได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าทารกอยากกินนมแม่เพิ่มขึ้น น้ำเปล่าก็ไม่จำเป็นค่ะ

          อย่างไรก็ตาม ไม่ควรเติมน้ำผึ้งหรือผงกลูโคสลงในน้ำ เพื่อล่อหลอกให้ลูกกินน้ำเพิ่มขึ้น เพราะจะทำให้เด็กติดรสหวาน จนส่งผลให้เป็นโรคอ้วน ฟันผุ และเป็นเชื้อราในปากตามมาได้

          รู้อย่างนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่คงหายสงสัยแล้วใช่ไหมล่ะคะว่าทำไมถึงไม่ควรป้อนน้ำทารกก่อน 6 เดือน ดังนั้นหากคุณปู่คุณย่าอยากให้หลานกินน้ำด้วยความหวังดี เราก็ต้องพูดคุยให้ท่านทราบถึงข้อเท็จจริงทางการแพทย์ก่อน เชื่อว่าเมื่อมีเหตุผลรองรับแล้วยังไงผู้ใหญ่ก็ต้องเข้าใจอย่างแน่นอนค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : thaichildcare.com, rakluke.com, เฟซบุ๊ก สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ