5 วายร้าย ทำลายสมองลูก (M&C แม่และเด็ก)
ในยุคดิจิตอลที่ผู้คนชอบสะสมความเครียดแทนการใช้สอยความสุข แน่นอนว่าสมองต้องรับบทหนัก คิด วิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งกับเด็กก็ตาม ก็ได้รับผลกระทบจากสิ่งรอบ ๆ ข้างนี้อยู่มิใช่น้อย เรามาดูกันค่ะ กับเจ้า 5 ตัวการทำลายสมองลูกเลิฟกัน
อาหารมื้อเช้า
ความเร่งรีบของภาวะสังคมในปัจจุบัน อาหารมื้อเช้าของลูกเลยกลายเป็นเมนูจานด่วน แต่ช้าแต่ แค่นมสด 1 กล่อง ขนมปังพวกตระกูลไข่ทั้งหลายแหล่ ตามด้วยผลไม้ที่หาได้ง่าย ๆ อย่าง พวกกล้วยน้ำว้า มะละกอ ส้ม เท่านี้ลูกเลิฟก็ได้รับสารอาหารที่เพียงพอแล้วค่ะ แต่ถ้าไม่ได้หม่ำอาหารเช้า หรือหม่ำแต่เพียงเล็กน้อยบ่อย ๆ ก็อาจจะทำให้สมองมึนจนขาดสมาธิการเรียน และมีอาการง่วงซึมตลอดทั้งวัน พอนาน ๆ เข้าก็อาจจะส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารในร่างกายมาก ๆ ค่ะ
อ้วนตุ๊ต๊ะ
หากคุณลูกเลือกหม่ำทุกอย่างที่ขวางหน้า จนน้ำหนักตัวเริ่มฉุดไม่อยู่แล้ว กลายเป็นคนอ้วนตุ๊ต๊ะขึ้นมา ก็อาจส่งผลให้เส้นเลือดในสมองหนาขึ้น เพราะการเกาะตัวของไขมันจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้จะส่งผลทำให้สมองทำงานได้ช้าลงเช่นเดียวกัน
ควันบุหรี่มือสอง
องค์การอนามัยโลกประเมินว่า ปัจจุบันมีเด็กเกือบ 700 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประชากรเด็กทั้งโลก หายใจเอาอากาศปนเปื้อนควันบุหรี่ที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในบ้าน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเด็กมาก ๆ ค่ะ เพราะยิ่งหายใจเข้าไปมากเท่าไหร่ สติปัญญาก็จะยิ่งเสื่อมลงเท่านั้น
นอนดึกบ่อย ๆ
เด็กแต่ละวัยก็มีชั่วโมงการนอน หลับพักผ่อนแตกต่างกัน ตามนาฬิกาในสมอง (Biological clock) ลูกน้อยในวัยนี้ ควรนอนตั้งแต่ 2 ทุ่มหรือ 2 ทุ่มครึ่งช้าที่สุด นอนหลับลึกช่วงกลางคืน 10-12 ชั่วโมง ถ้าหากนอนดึก ตื่นเช้าบ่อย ๆ แล้วล่ะก็นอกจากร่างกายจะไม่สูงใหญ่แล้ว ก็จะทำให้เซลล์สมองไม่ได้รับการทดแทนจากการฟักตัวของเซลล์ใหม่ เซลล์สมองที่ตายแล้วจะสะสมจนมีปริมาณมาก ทำให้สมองไม่พัฒนาเท่าที่ควรค่ะ
ของหวาน
สมองไม่ใช่ความรักที่จะต้องหมั่นเติมความหวานอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเด็กที่ชอบหม่ำของหวานติดเป็นนิสัยแล้ว ซึ่งส่งผลให้น้ำตาลไปขัดขวางการดูดซึมของโปรตีนและสารอาหาร เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สมองทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ
สมองหนูดีได้ เกิดจาก
อากาศ สมองเป็นอวัยวะที่ต้องการออกซิเจนมากที่สุด ควรหาช่วงเวลาให้ลูกได้รับอากาศบริสุทธิ์อยู่บ่อย ๆ
จิบน้ำบ่อย ๆ สมองประกอบด้วยน้ำ 85% เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่อยากให้เซลล์สมองเหี่ยว กลายเป็นคนคิดช้า ก็ควรให้ลูกดื่มน้ำบ่อย ๆ
หัวเราะและยิ้ม ทุกครั้งที่ยิ้ม หรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขหลั่งออกมา ยิ่งหลั่งออกมามากเท่าไหร่ก็เป็นผลดีต่อสมองเท่านั้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ปีที่ 34 ฉบับที่ 465 พฤศจิกายน 2553