อาหาร..พัฒนาสมอง พัฒนาชีวิต (M&C แม่และเด็ก)
เมื่อเอ่ยถึงการพัฒนาสมองของเด็ก สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ปัจจัยหลักคือ พันธุกรรม สิ่งแวดล้อมและอาหาร แต่การพัฒนาโดยตรงคือ "เซลล์สมอง" ซึ่งต้องอาศัยสารอาหารแร่ธาตุหลาย ๆ ตัว เพื่อปลูกฝัง "โครงสร้างรากฐานของสมอง" และเป็นปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้มากที่สุด เรียกง่าย ๆ ถ้าเราอยากให้สมองลูกน้อยฉลาดเฉลียวอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว มีสารอาหารอะไรที่จำเป็นบ้าง ลองมาดูกันค่ะ
โปรตีน ในวัย 1 - 2 ขวบปีแรกซึ่งสมองของเด็กมีการเจริญเติบโตถึงร้อยละ 80 ของน้ำหนักสมองผู้ใหญ่ หากได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ จะส่งผลกระทบทำให้สมองมีขนาดเล็กกว่าปกติ ซึ่งจะมีผลเสียต่อสติปัญญาของลูกในระยะยาวได้ อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนที่มีคุณภาพสูง พบมากในเนื้อสัตว์ทุกชนิด เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เป็ด ไก่ตับ กุ้ง หอย นม และไข่
โดยเฉพาะเนื้อปลามีโปรตีนประมาณร้อยละ 17 - 23 ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ ทำให้ระบบการย่อยอาหารไม่ต้องทำงานหนัก อีกทั้งโปรตีนยังมีประโยชน์ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อหรือส่วนต่าง ๆ ที่สึกหรอ และเสริมสร้างร่างกายให้เจริญเติบโตตามวัยอันควร นอกจากนี้ปลายังมีกรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด โดยเฉพาะไลซีนและทรีโอนิน ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการสมอง และการเจริญเติบโตของเด็กอีกด้วย
ธาตุเหล็ก มีมากในอาหาร ประเภทเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เช่น เนื้อ ไก่ หมู ตับ เป็นต้น ธาตุเหล็กในเนื้อสัตว์ ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่าธาตุเหล็กที่มีอยู่ในพืช ซึ่งมีมากในผักใบเขียวและถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ จากผลงานวิจัย การพร่องเหล็กในทารกตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ จนถึงอายุ 2 ขวบ จะส่งผลกระทบถึงสมองที่กำลังเจริญเติบโตและสติปัญญาอย่างถาวร แก้ไขไม่ได้ แม้จะกินธาตุเหล็กเพิ่มเข้าไปภายหลังก็ช่วยไม่ได้
ไอโอดีน แหล่งอาหารที่มีไอโอดีนได้แก่ เกลือที่ได้จากน้ำทะเล เกลือเสริมไอโอดีน อาหารทะเล เช่น ปลาทะเล กุ้ง หอย และพืชทะเล เช่น สาหร่ายทะเล การขาดธาตุไอโอดีนในช่วงสมองกำลังเติบโตรวดเร็ว หรือตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงอายุ 3 - 4 ปี ทำให้สมองและร่างกายเด็กเจริญเติบโตไม่เป็นปกติ จะแสดงอาการเซื่องซึมพัฒนาการล่าช้า ไม่ฉลาด ต้องรีบแก้ไขภายในช่วงอายุ 1 - 2 เดือน เด็กก็มีโอกาสที่จะเติบโตเป็นปกติได้
สังกะสี สังกะสีมีบทบาทมากมายต่อร่างกายทั้งในด้านการเจริญเติบโต ภูมิคุ้มกันของร่างกาย การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ การป้องกันอนุมูลอิสระ แหล่งอาหารที่มีสังกะสีมาก ได้แก่ เนื้อสัตว์ ตับ อาหารทะเล เช่น ปลา กุ้ง หอย นางรม สำหรับพืชคือ ถั่ว งา และข้าวกล้องนั้น แม้จะมีปริมาณสังกะสีในระดับปานกลางถึงสูง แต่การดูดซึมไม่ดี เพราะมีสารไฟเตท (phytate) ที่ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมในอาหาร
กรดไขมัน DHA และ ARA เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดสายโซ่ยาวที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้ จากการทานอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 มีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองและสายตา ควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันจาก การศึกษาพบว่าร่างกายของแต่ละคนสามารถสังเคราะห์ DHA และ ARA ได้มากน้อยแตกต่างกัน โดยเฉพาะในวัยทารกร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ DHA และ ARA ได้ดี เพราะฉะนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมลูกควรเสริม DHA และ ARA เพื่อให้ลูกน้อยนั้นมีพัฒนาการทางสมองอย่างเต็มประสิทธิภาพ
จากการศึกษาข้อมูลการวิจัยของแพทย์ทางด้านสมองทั่วโลก ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า ช่วงวัยที่สมองของมนุษย์เติบโตเร็วที่สุด หรือเรียกว่าเป็นวัยทองของชีวิต คือ ช่วงตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ขวบ ดังนั้นเราต้องใช้จังหวะนี้เร่งกระตุ้นให้สมองเติบโตให้เร็วมากที่สุด เพราะสมองไม่ได้หมายความถึงเพียงส่วนที่เกี่ยวข้องกับไอคิวเท่านั้น ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับอารมณ์ ศีลธรรม และจริยธรรมด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก