นิทานเจ้าหญิงนิทรา ชวนลูกน้อยมาเพลิดเพลินกับนิทานสุดคลาสสิกอย่าง เจ้าหญิงนิทรา เทพนิยายที่ครองใจเด็ก ๆ ทุกยุคสมัย กับเรื่องราวในโลกแห่งจินตนาการสุดประทับใจ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่หานิทานอ่านให้ลูกฟังก่อนนอน นอกจาก
นิทานอีสปแล้ว เชื่อว่าน่าจะเคยได้ยินเรื่องราวของ
เทพนิยายชื่อก้องโลกอย่าง
เจ้าหญิงนิทรากันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก โดยนิทานคลาสสิกเรื่องนี้มาจากบทประพันธ์ในภาษาเยอรมันของ พี่น้องตระกูลกริมม์ และได้รับการดัดแปลงจนมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งฉบับหนังสือ การ์ตูน มาจนถึงภาพยนตร์ และคงจะดีไม่น้อยถ้าเราหยิบยกนิทานสุดประทับใจในวัยเด็กมาอ่านให้เจ้าตัวน้อยฟังก่อนนอน พาลูกไปสู่โลกแห่งจินตนาการของเจ้าหญิงผู้เลอโฉม นางฟ้าใจร้าย เครื่องปั่นด้ายต้องคำสาป รับรองได้ว่าเด็ก ๆ จะต้องประทับใจกับ
นิทานเจ้าหญิงนิทราไม่ต่างจากคุณพ่อคุณแม่อย่างแน่นอนค่ะ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ อาณาจักรแห่งหนึ่งซึ่งปกครองโดยพระราชาและพระราชินี แม้จะสมบูรณ์พรั่งพร้อมทว่าพวกเขาทั้งสองไร้ซึ่งความสุข เนื่องจากไม่มีทายาทสืบสกุล จนกระทั่งเวลาผ่านไป พระราชินีได้ให้กำเนิดเจ้าหญิงผู้เลอโฉมองค์หนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้พระราชารู้สึกปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างมาก จัดงานแสดงอย่างยิ่งใหญ่ ทรงเชิญนางฟ้าทั้งหมดในอาณาจักรให้เข้าร่วมงานตั้งชื่อสำหรับทารก ทั้งยังเตรียมสำรับแต่ละที่ด้วยภาชนะทองคำบริสุทธิ์ ทว่ามีภาชนะทั้งหมดเพียง 12 ชุดเท่านั้น พระราชาจึงตัดสินใจไม่เชิญนางฟ้าองค์ที่ 13 มาร่วมงาน เนื่องจากเธอหายสาปสูญไปเป็นเวลานานแล้ว
งานฉลองต้อนรับเจ้าหญิงองค์น้อยถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ นางฟ้าแต่ละองค์มอบพรอันแสนวิเศษ ทั้งความงาม ความฉลาด ความร่ำรวย และพรอีกมากมายที่สามารถดลบันดาลให้เจ้าหญิงเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก ทว่าในระหว่างที่นางฟ้าองค์ที่ 12 กำลังจะให้พรนั้น นางฟ้าองค์ที่ 13 กลับปรากฏตัวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ไม่ได้รับเชิญ พร้อมเอ่ยคำสาปว่า “ข้าขอประกาศต่อหน้าพวกท่านทุกคน ในวันเกิดปีที่ 16 เจ้าหญิงจะถูกเข็มปั่นด้ายแทงนิ้วและสิ้นพระชนม์ !” นางฟ้าองค์ที่ 13 ประกาศด้วยเสียงอันดังก่อนที่จะหายตัวจากไป
คำสาปของนางฟ้าใจร้ายทำให้ทุกคนในงานตกใจเป็นอย่างมาก แต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดีหลงเหลืออยู่ เพราะนางฟ้าองค์ที่ 12 ยังไม่ได้ให้พรแก่เจ้าหญิง แม้ว่าเธอจะไม่สามารถแก้คำสาปได้ แต่ก็ผ่อนความร้ายแรงให้เบาลงได้ ดังนั้นเธอจึงมอบพรข้อสุดท้ายให้กับเจ้าหญิงว่า “เจ้าหญิงจะไม่สิ้นพระชนม์ แต่จะหลับใหลไปเป็นเวลา 100 ปี”
แต่ถึงกระนั้นพระราชาก็มีรับสั่งให้เผาเครื่องปั่นด้ายทุกเครื่องในราชอาณาจักร เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหญิงไปสัมผัสกับเข็มแหลมที่จะคร่าชีวิตเธอไป จนเวลาล่วงเลยไปนานถึง 15 ปี เจ้าหญิงเติบโตขึ้นเป็นสาวสะพรั่ง งดงามทั้งกิริยามารยาท ทั้งเป็นคนฉลาดและร่าเริง สมดังพรที่เหล่านางฟ้าได้มอบไว้ทุกประการ
กระทั่งวันเกิดปีที่ 16 ของเจ้าหญิง ซึ่งเป็นวันที่พระราชาและพระราชินีเสด็จออกนอกวัง ทิ้งให้เธออยู่เพียงลำพัง เจ้าหญิงจึงตัดสินใจเดินเล่นไปรอบ ๆ วัง เข้าห้องนั้น ออกห้องนี้ ตามที่เธอต้องการ กระทั่งไปถึงหอคอยเก่า ด้วยความอยากรู้ เจ้าหญิงจึงเดินขึ้นบันไดแคบ ๆ ที่คดเคี้ยวไปจนเจอประตูบานหนึ่ง และเมื่อเธอลองจับลูกบิดดู ประตูก็เปิดออก ในห้องเล็ก ๆ ห้องนั้น เจ้าหญิงเห็นหญิงชราคนหนึ่งกำลังปั่นด้ายอยู่
“สวัสดีค่ะคุณยาย กำลังทำอะไรอยู่หรือคะ” เจ้าหญิงเอ่ยทักทายหญิงชราคนนั้น “กำลังปั่นด้ายอยู่ไงล่ะ” หญิงชราตอบ “ฉันไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเลย น่าสนุกจัง” เจ้าหญิงมองดูเครื่องปั่นด้ายอย่างตื่นเต้น “เจ้าอยากลองทำไหมล่ะ” หญิงชราลุกขึ้น เชื้อเชิญเจ้าหญิงมาลองปั่นผ้า แต่ด้วยฤทธิ์ของเวทมนตร์ ไม่ทันที่เจ้าหญิงจะได้จับกรงล้อ นิ้วของเธอก็ถูกเข็มแหลมทิ่ม ก่อนที่เธอจะล้มตัวลงบนเตียงในห้องนั้นและหลับไป
ด้วยฤทธิ์ของเวทมนตร์ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างทั่วอาณาจักรนี้หลับใหล ทั้งพระราชาและพระราชินีทั้งเพิ่งกลับเข้าวัง ข้ารับใช้ทุกคน เปลวไฟในเตาที่มอดดับลงเอง แม้กระทั่งใบไม้ที่ไม่ไหวติง ทุกอย่างในอาณาจักรนี้ราวกับถูกหยุดเวลาไว้ ทว่ารอบ ๆ ปราสาทกลับมีพุ่มหนามขึ้นสูงจนกลายเป็นกำแพงแน่นหนา บดบังปราสาทหลังนี้จากภายนอกอย่างสิ้นเชิง
เรื่องราวของเจ้าหญิงผู้หลับใหลโด่งดังไปทั่วจนทำให้ทั้งเจ้าชายและพระราชาจากต่างเมืองต้องการจะมาเห้นด้วยตาของตนเอง แต่ไม่มีใครสามารถฝ่าดงหนามนี้ไปได้ บ้างก็ถอยกลับไป บ้างก็ตายอยู่ ณ ที่นั้น
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งร้อยปี มีเจ้าชายองค์หนึ่งซึ่งได้ยินเรื่องราวของเจ้าหญิงและปราสาทที่หลับใหลด้วยมนตร์สะกด ต้องการจะพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตนเอง แม้จะมีคนห้ามปรามว่าไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ และอาจจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่น เจ้าชายกล่าวว่า “ฉันไม่กลัว ฉันอยากจะเห็นเจ้าหญิงด้วยตาตัวเอง”
ราวกับเวลาทั้งหลายเป็นใจ เพราะในวันที่เจ้าชายตัดสินใจไปยังปราสาท คือวันที่ครบกำหนดหนึ่งร้อยปีพอดิบพอดี ลวดหนามแหลมคมจึงกลายเป็นเพียงดอกไม้ใหญ่สวยงามที่แหวกทางให้พระองค์ได้เดินเข้าไปยังตัวประสาทได้อย่างสะดวก เมื่อถึงปราสาท ภาพที่เจ้าชายเห็นคือทุกสิ่งล้วนหลับใหล ไร้ซึ่งการขยับเขยื้อนของสิ่งมีชีวิตใด ๆ ทั้งสิ้น
ท่ามกลางความเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ เจ้าชายสำรวจภายในปราสาทลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนไปถึงหอคอยเก่า และได้เปิดเข้าไปยังห้องเล็ก ๆ ที่เจ้าหญิงนอนหลับอยู่ ใบหน้าที่สวยงาม ผิวสว่างดั่งแสงอาทิตย์ และริมฝีปากแดงราวกลีบกุหลาบ ทำให้เจ้าชายไม่สามารถละสายตาได้ และในที่สุด เขาก็ก้มลงไปจุมพิตเธอ และทันใดนั้นเจ้าหญิงก็ลืมตาตื่นขึ้น ดวงตาอ่อนหวานจ้องมองเขา ทั้งคู่ตกหลุมรักกันและกันในทันที
ทันทีที่ทั้งคู่เดินลงจากหอคอย ทั่วทั้งปราสาทก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทุกสรรพสิ่งที่เคยหยุดนิ่งและผู้คนที่หลับใหลกลับตื่นขึ้น คำสาปได้ถูกทำลายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าชายและเจ้าหญิงก็ได้แต่งงานกันและครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป
บทความที่เกี่ยวข้อง