นิทานโฉมงามกับเจ้าชายอสูร เทพนิยายสุดคลาสสิกชื่อก้องโลก พร้อมข้อคิดดี ๆ

          นิทานโฉมงามกับเจ้าชายอสูร เรื่องราวของหญิงสาวผู้ฉลาดเฉลียวกับเจ้าชายในร่างอสูร เทพนิยายชื่อดังที่หลายคนตกหลุมรัก มาในฉบับนิทานก่อนนอนที่จะทำให้ลูกน้อยฝันดี แถมได้แง่คิดในการใช้ชีวิต
นิทาน

          เมื่อพูดถึงเทพนิยายเจ้าหญิงเจ้าชายที่ตราตรึงใจของใครหลาย ๆ คน ต้องมีชื่อของนิทานโฉมงามกับเจ้าชายอสูร (Beauty and the Beast) ติดอันดับอยู่แน่ ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ ซึ่งเรื่องราวสุดคลาสสิกนี้ดัดแปลงมาจาก “La Belle et la Bête” นิทานพื้นบ้านของฝรั่งเศส และยังมีอีกหลากหลายฉบับ หลายภาษา จนกลายเป็นอีกหนึ่งนิทานนานาชาติที่รู้จักกันดี ก่อนที่จะมาโด่งดังสุด ๆ เมื่อ วอลต์ ดิสนีย์ นำมาเนรมิตเป็นการ์ตูนเพลงยอดฮิตเมื่อปี 1994 แต่รู้มั้ยคะว่า แม้นี่จะเป็นเพียงแค่เทพนิยาย แต่แท้จริงแล้วกลับแฝงแง่คิดการใช้ชีวิตไว้ด้วยล่ะ ดังนั้นคงจะดีไม่น้อย ถ้าคุณพ่อคุณแม่จะหยิบเอาเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร มาอ่านเป็นนิทานก่อนนอนให้ลูก ๆ ฟัง

นิทานโฉมงามกับเจ้าชายอสูร

          กาลครั้งหนึ่ง มีพ่อค้าผู้ร่ำรวยอาศัยอยู่ในเมืองกับลูกสาวสามคน วันหนึ่งพ่อค้าผู้มั่งมีผู้นั้นได้สูญเสียทรัพย์หลวงใหญ่ที่เขามีไปกับเรือสินค้า ทำให้เขากับลูก ๆ ทั้งสามต้องย้ายไปอาศัยอยู่แถบชนบท หลังจากอยู่กับความลำบากมาเป็นปี ๆ พ่อค้าก็ได้รับข่าวดีว่าเรือสินค้าที่เขาเคยส่งออกขายในอดีต ได้กลับเข้ามาสู่ท่าเรือ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะไปดูในเมืองว่าเรือนี้ยังมีอะไรเหลือให้เขาและลูกอยู่
 

          ก่อนที่เขาจะเดินทางไปในเมือง เขาได้ถามลูก ๆ ว่าอยากได้ของขวัญอะไรเมื่อเขากลับมาบ้าง ลูกสาวคนโตนั้นอยากได้ชุดสวยงาม คนที่สองขอสร้อยคอไข่มุก แต่ลูกสาวคนที่สามที่มีชื่อว่า “เบลล์” ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็กที่ทั้งสวยและอ่อนหวานที่สุดกล่าวว่า “หนูอยากได้กุหลาบสักดอกหนึ่งจากพ่อค่ะ

นิทาน

          เมื่อพ่อค้าจัดการเรื่องธุรกิจเสร็จเรียบร้อย เขาก็ตรงกลับบ้าน ระหว่างทางนั้นเขาเจอกับพายุลูกใหญ่กรรโชกแรง แม้แต่ม้าของเขาก็แทบจะทรงตัวไม่ได้ ด้วยความหนาวเหน็บและอ่อนเพลีย พ่อค้าเริ่มสิ้นหวังที่จะกลับถึงบ้านให้ทันก่อนฟ้ามืด แต่ทันใดนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นแสงไฟส่องสว่างจากกลางป่า และเมื่อเพ็งสายตาดูดี ๆ เขาก็พบว่าแสงนั้นมาจากปราสาทหลังงามนั่นเอง
 

          “หวังว่าจะที่นั่นจะพอมีที่พักให้สำหรับคืนนี้นะ” เขาพูดกับตัวเอง และเมื่อถึงประตูปราสาท เขาก็พบว่ามันเปิดออกอย่างง่ายดาย เขาตะโกนร้องเรียก แต่ก็ไม่มีใครมาต้อนรับเขา เขาจึงรวบรวมความกล้าเข้าไปด้านในปราสาท ระหว่างที่พยายามส่งเสียงเรียกเจ้าของปราสาทอยู่นั้น เขาก็พบว่าบนโต๊ะใหญ่กลางโถงเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ ในเมื่อไม่มีคนมา พ่อค้าที่หิวโหยก็อดใจไม่ไหวที่จะลงมือรับประทานมื้อค่ำแสนอร่อยเหล่านั้นจนอิ่ม
 

          หลังจากนั้น เขาก็ขึ้นบันไดไปยังชั้นบน ทางเดินที่ยาวเหยียดนำไปสู่ห้องพักที่มีเตาผิงพร้อมไฟอันอบอุ่น คืนนี้ดึกมากแล้ว และพ่อค้าก็ต้องการพักผ่อน เขาจึงล้มตัวลงนอนบนเตียงและหลับไปอย่างรวดเร็ว เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า เขาก็พบว่ามีใครบางคนนำแก้วกาแฟมาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง หลังจากรับประทานมือเช้าเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบลงไปชั้นล่างเพื่อขอบคุณเจ้าของปราสาท แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่เลย เขามุ่งหน้าออกไปยังสวนที่ผูกม้าเอาไว้ ทันใดนั้นเองเขาก็สะดุดตาเข้ากับพุ่มดอกกุหลาบในสวน
 

          พ่อค้าจำคำสัญญาที่มอบไว้กับเบลล์ได้ดี เขาจึงก้มลงจะเด็ดดอกกุหลาบ พริบตาเดียวก็ปรากฏร่างของอสูรตัวใหญ่ ขนปกคลุมรุงรัง สวมเสื้อผ้าอาภรณ์งดงาม แต่ดวงตาที่ดุร้ายทั้งสองจ้องมาหาเขา พร้อมคำรามด้วยความโกรธ “ข้าทั้งให้ที่พักและอาหารกับเจ้า แต่คำขอบคุณที่ข้าได้รับคือการที่เจ้าจะขโมยดอกไม้โปรดของข้าไปอีกงั้นเหรอ ตายเสียเถอะ !” ด้วยความกลัวสุดขีด พ่อค้าทรุดตัวลงและคุกเข่าอ้อนวอนอสูรทันที

นิทาน

          “ให้อภัยข้าเถอะ อย่าฆ่าข้าเลย ข้าทำผิดไปแล้วจริง ๆ ข้าแค่จะนำดอกกุหลาบดอกนี้ไปฝากลูกสาวตนเท่านั้นเอง” อสูรได้ยินดังนั้นก็ลดกรงเล็บลง พร้อมบอกว่า “ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง ให้นำตัวลูกสาวมาแทน หากทำได้ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป” เมื่อพ่อค้าได้ยินเช่นนั้นจึงตอบตกลง
 

          เมื่อไปถึงบ้าน พ่อค้าก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ลูก ๆ ฟัง ด้วยความรักที่เบลล์มีต่อพ่อของเธอ เธอก็ยินดีที่จะกลับไปยังปราสาทในทันที “อย่ากังวลเลยค่ะพ่อ เราจะต้องรักษาสัญญาและช่วยชีวิตพ่อไว้ให้ได้ พาหนูไปยังปราสาทเถอะ หนูจะอยู่ที่นั่นเอง” พ่อค้ารู้สึกเศร้าเสียใจอย่างที่สุด แต่ก็จำยอมเดินทางไปส่งลูกสาว

นิทาน

          อสูรแปลกใจมากที่หญิงสาวยอมเสียสละเพื่อครอบครัว ในตอนแรกที่พบกัน เบลล์รู้สึกหวาดกลัวกับหน้าตาและท่าทางที่ดูดุร้ายของอสูร แต่เธอกลับพบว่าอสูรไม่ได้ทำร้ายเธอแต่อย่างใด ซ้ำยังจัดห้องหรูหราให้เธอพักในปราสาทอีกด้วย ในขณะที่เธอนั่งปักผ้าอยู่หน้าเตาผิง อสูรก็คอยจับตาดูอยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มต้นพูดคุยกันอย่างถูกคอ ซึ่งทำให้เบลล์ประหลาดใจ แต่ก็แอบประทับใจกับความอ่อนโยนที่ขัดกับหน้าตาของอสูร เธอยังได้รับรู้ถึงความอบอุ่น ใจดี และเป็นครั้งแรกที่เบลล์ได้เห็นสายตาที่เศร้าหมองของเขา
 

          นับตั้งวันนั้นเบลล์ไม่หวาดกลัวเจ้าอสูรอีกต่อไป เธอร่วมโต๊ะอาหารกับอสูรทุกวัน จากนั้นก็ไปเดินเล่นในสวนด้วยกัน อ่านหนังสือด้วยกัน เต้นรำด้วยกัน ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข วันหนึ่งในขณะที่กำลังเต้นรำกันอยู่นั้น เจ้าชายอสูรถามเบลล์ว่า “เธอจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของข้าได้หรือไม่” เบลล์ตกใจเล็กน้อย พร้อมนิ่งคิดถึงการแต่งงานกับชายผู้มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว เธอยังคงให้คำตอบไม่ได้ เพราะคงจะคิดถึงพ่อและที่บ้านมาก เจ้าชายอสูรมองเธออย่างปวดร้าว แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวดี เขาจึงมอบกระจกวิเศษให้กับเบลล์ เมื่อเบลล์มองที่กระจกจะเห็นครอบครัวของเธอที่อยู่ไกลออกไป เพื่อให้เธอไม่รู้สึกเหงาและเดียวดาย

นิทาน

          วันหนึ่ง เบลล์ส่องกระจกวิเศษดูและพบว่าพ่อของเธอล้มป่วยหนักมาก เธอจึงขออนุญาตเจ้าชายอสูรเพื่อกลับไปดูแลพ่อ ก่อนที่จะสายเกินไป แต่อสูรส่ายหน้า “ถ้าเธอกลับบ้านไปก็คงจะไม่กลับมาที่ปราสาทแห่งนี้อีก” แต่ในที่สุด เขาก็กลับคำ “แต่ถ้าเธอสัญญาว่าจะกลับมาที่นี่ภายใน 7 วัน ข้าจะยอมให้เธอกลับมาเยี่ยมครอบครัวของเธอ” เบลล์รับคำสัญญาทันที
 

          แท้จริงแล้ว พ่อค้าล้มป่วยลงเพราะความตรอมใจ และคิดว่าอสูรขังเธอไว้เป็นนักโทษ เมื่อสองพ่อลูกได้พบกันอีกครั้งและเห็นว่าเบลล์ยังอยู่ดีมีสุข อาการป่วยของพ่อก็เริ่มทุเลาลง เบลล์เล่าให้พ่อฟังว่าอสูรดูแลเธออย่างดีและอ่อนโยนกว่าที่คิดมาก อีกทั้งชีวิตในปราสาทก็สุขสบาย เมื่อพ่อของเธอเริ่มลุกขึ้นจากเตียงได้ เบลล์ก็ไม่ทันได้สังเกตว่าวันเวลาผ่านไปครบ 7 วันแล้ว

นิทาน

          คืนหนึ่ง เบลล์ฝันร้ายถึงอสูร เธอเห็นว่าเขากำลังจะตายและร้องเรียกเธอด้วยความเศร้าสร้อย “กลับมาหาข้าเถอะ” ฝันนั้นย้ำเตือนให้เธอนึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับเขา ทันทีที่เธอตื่นขึ้นก็รีบขึ้นไปบนหลังม้า พร้อมออกจากบ้านมุ่งไปยังปราสาททันที
 

          เมื่อเธอมาถึงปราสาท เธอรีบวิ่งขึ้นบันไดและร้องเรียกเจ้าชายอสูร แต่ไร้เสียงตอบกลับ หัวใจของเธอแทบสลาย เบลล์วิ่งเข้าไปยังสวนดอกไม้และพบร่างของอสูรนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดวงตาปิดสนิท เบลล์ประคองร่างนั้นไว้ในอ้อมกอด พร้อมกระซิบบอกว่า “ได้โปรดอย่าตาย ฉันกลับมาแล้ว และจะแต่งงานกับคุณ” สิ้นเสียงของหญิงสาว ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น อสูรร้ายได้กลายร่างเปลี่ยนเป็นเจ้าชายรูปงาม

นิทาน

          “ข้ารอคอยเวลานี้มายาวนานเหลือเกิน” เจ้าชายพูดกับเบลล์ “ข้าทุกข์ทนในความเงียบงัน และไม่อาจบอกใครให้ล่วงรู้ถึงความลับนี้ได้ ว่าข้าถูกคำสาปเปลี่ยนให้เป็นสัตว์ร้าย แต่เมื่อใดที่พบกับหญิงสาวที่ยอมรับในตัวข้าได้และรักข้าจากข้างในจิตใจ คำสาปนั้นก็จะหายไปและทำให้ข้ากลับมาเป็นคนดังเดิม
 

          งานแต่งงานของเบลลืกับเจ้าชายจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและอบอุ่นหลังจากนั้นไม่นาน แล้วทั้งคู่ก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป

นิทาน

          นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : อย่าตัดสินใครแค่เพียงรูปลักษณ์ เพราะสิ่งที่เราเห็นด้วยตาเป็นแค่เพียงเปลือกนอก แต่สิ่งที่ทำให้คนงดงามที่สุดก็คือความดีในจิตใจที่ไม่มีวันถูกทำลาย

ขอบคุณข้อมูลจาก : kidsgen.com, storiestogrowby.org, bedtimeshortstories.com, nitanstory.com

นิทานเรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นิทานโฉมงามกับเจ้าชายอสูร เทพนิยายสุดคลาสสิกชื่อก้องโลก พร้อมข้อคิดดี ๆ อัปเดตล่าสุด 11 มีนาคม 2567 เวลา 14:44:59 277,950 อ่าน
TOP
x close