นิทานดาวลูกไก่ นิทานอีสป พร้อมภาพประกอบสีสันสดใสและข้อคิดสอนใจดี ๆ เหมาะสำหรับเป็นนิทานก่อนนอน ช่วยเสริมสร้างจินตนาการ และกระตุ้นทักษะการเรียนรู้ของลูกน้อย
สำหรับเด็กวัยกำลังโต นอกจากอาหารการกินและการพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว พัฒนาการด้านต่าง ๆ ของพวกเขาก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะพัฒนาการด้านสติปัญญา ที่สามารถเสริมสร้างได้ง่าย ๆ ด้วยการอ่านนิทานอีสปให้เขาได้ฟัง อย่าง นิทานดาวลูกไก่ ที่มาพร้อมภาพประกอบสีสันสดใสเรื่องนี้ นอกจากจะสนุกแล้วยังช่วยกระตุ้นจินตนาการและพัฒนาทักษะทางภาษาให้กับลูกน้อยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ว่าแล้วอย่ารอช้า ตามมาอ่านนิทานให้ลูกรักฟังกันเลย...
ณ ชายป่าแห่งหนึ่ง มีตากับยายอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังเล็ก ๆ โดยทั้งคู่เป็นชาวสวนที่มีฐานะยากจน อาศัยการปลูกผัก ผลไม้ และเลี้ยงไก่ยังชีพไปวัน ๆ ทุกเช้าตากับยายจะนำข้าวเปลือกมาโปรยให้แม่ไก่จิกกินอยู่เสมอ
"กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก มากินเร็วลูกเอ๋ย จะได้โตไว ๆ" ตาพูดพร้อมโปรยข้าวเปลือกลงบนพื้น
อยู่มาวันหนึ่งยายได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากเล้าไก่ จึงชวนตาไปดู เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับแม่ไก่
"ฉันได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากเล้าไก่หลังบ้าน ตาไปดูกับฉันหน่อยสิ" ยายชักชวนตาให้เดินไปดูด้วยกันด้วยความกังวลใจ
"จริงหรือยาย ไป ๆ เรารีบไปดูกันเถอะ" ตากล่าวพร้อมเดินนำหน้า
เมื่อตากับยายไปถึงเล้าไก่ก็ต้องประหลาดใจ เพราะเสียงที่ยายได้ยินนั้นเป็นเสียงของลูกเจี๊ยบตัวจิ๋ว 7 ตัว ที่เพิ่งฟักออกมาจากไข่ หลังจากนั้นตากับยายก็ดูแลครอบครัวของแม่ไก่เป็นอย่างดี ลูกเจี๊ยบทั้ง 7 ตัวติดแม่ไก่มาก เดินตามต้อย ๆ ไปทุกที่
"ลูก ๆ ของแม่จงจำไว้เสมอนะว่าตากับยายเป็นผู้มีพระคุณต่อพวกเรา ดังนั้นเราต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณของพวกท่านนะลูก" แม่ไก่สอนลูกเจี๊ยบทั้ง 7 ตัว
หลายวันต่อมา ระหว่างที่ตากำลังเดินกลับมาจากสวนก็ได้พบพระธุดงค์รูปหนึ่งนั่งสมาธิอยู่ ตารีบเดินเข้าไปกราบท่านในทันที เมื่อกลับมาถึงบ้านตาจึงเล่าเรื่องที่ได้พบกับพระธุดงค์ให้ยายฟัง
"เมื่อกี้ตอนกำลังเดินกลับบ้าน ฉันเจอกับพระธุดงค์รูปหนึ่ง จึงเดินเข้าไปกราบท่าน" ตาเล่าให้ยายฟังด้วยความดีใจ
"จริงหรือตา จะว่าไปเราก็ไม่ได้ทำบุญกันมานานแล้วนะ ฉันอยากทำบุญกับท่านจังเลย" ยายกล่าวตัดพ้อ
"งั้นพรุ่งนี้เช้าเราทำอาหารไปถวายท่านกันดีไหมยาย ?" ตาชักชวนยาย
"ก็ดีเหมือนกันนะ แต่เราไม่มีของดี ๆ ไปถวายท่านเลย และตอนนี้ผักของเราก็ยังไม่โตด้วย เราจะทำอะไรไปถวายท่านดีล่ะตา" ยายกล่าวอย่างหมดหวัง
ในขณะเดียวกันสายตาของตาก็เหลือบไปเห็นแม่ไก่ที่กำลังจิกกินอาหารอยู่ไม่ไกล จึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
"ตาว่าเราอาจจะต้องนำแม่ไก่มาทำอาหารถวายพระดีไหมยาย ?" ตาถามยาย
"ฉันเห็นด้วยกับตานะ งั้นพรุ่งนี้เช้าฉันจะรีบตื่นมาทำอาหารไปถวายพระเอง" ยายกล่าว
แม่ไก่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่ตากับยายคุยกันตั้งแต่ต้นจนจบ ก็รู้ชะตากรรมของตัวเองทันทีว่าพรุ่งนี้เช้าตนจะต้องจากลูก ๆ ไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่ด้วยความที่ตากับยายเป็นผู้มีพระคุณกับตนและลูก ๆ แม่ไก่จึงคิดจะตอบแทนบุญคุณของท่านทั้งสองด้วยชีวิตของตนเอง จากนั้นแม่ไก่ก็เรียกลูกเจี๊ยบทั้ง 7 ตัวมาเพื่อสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย
"ถ้าแม่ไม่อยู่แล้ว พวกเจ้าต้องเป็นเด็กดีและรักกันนะลูก" แม่ไก่สั่งเสียทั้งน้ำตา
เช้าวันต่อมา ตาอุ้มแม่ไก่ออกมาจากเล้า โดยมีลูกเจี๊ยบทั้ง 7 ตัว เดินตามมาเป็นขบวน ทันใดนั้นเองตาก็โยนแม่ไก่เข้าไปในกองไฟ ลูกเจี๊ยบทั้งหมดตกใจต่างพากันร้องไห้ และไม่นานทั้งหมดก็กระโดดเข้าไปในกองไฟเพื่อตายตามแม่ไก่ไป ด้วยความกตัญญูในครั้งนี้จึงทำให้ลูกไก่ทั้ง 7 ตัว กลายเป็นดวงดาว 7 ดวงที่ส่องแสงระยิบระยับในยามค่ำคืน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ระหว่างแม่และลูก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :
แม่ไก่มีความกตัญญู จึงรู้จักตอบแทนบุญคุณต่อผู้มีพระคุณ เช่นเดียวกันกับลูกเจี๊ยบที่มีความรักและกตัญญูต่อแม่ไก่ เหมือนดั่งสุภาษิตที่ว่า "ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี" หากใครที่มีบุญคุณกับเรา หรือเมื่อใดที่เราได้รับการช่วยเหลือจากใคร เช่น พ่อ แม่ ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ หากมีโอกาสควรทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทดแทนบ้าง ตามสมควรแก่ความสามารถและโอกาสที่เรามี
ขอบคุณข้อมูลจาก : en.wikipedia.org, nithan.in.th
ณ ชายป่าแห่งหนึ่ง มีตากับยายอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังเล็ก ๆ โดยทั้งคู่เป็นชาวสวนที่มีฐานะยากจน อาศัยการปลูกผัก ผลไม้ และเลี้ยงไก่ยังชีพไปวัน ๆ ทุกเช้าตากับยายจะนำข้าวเปลือกมาโปรยให้แม่ไก่จิกกินอยู่เสมอ
"กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก มากินเร็วลูกเอ๋ย จะได้โตไว ๆ" ตาพูดพร้อมโปรยข้าวเปลือกลงบนพื้น
อยู่มาวันหนึ่งยายได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากเล้าไก่ จึงชวนตาไปดู เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับแม่ไก่
"ฉันได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากเล้าไก่หลังบ้าน ตาไปดูกับฉันหน่อยสิ" ยายชักชวนตาให้เดินไปดูด้วยกันด้วยความกังวลใจ
"จริงหรือยาย ไป ๆ เรารีบไปดูกันเถอะ" ตากล่าวพร้อมเดินนำหน้า
หลายวันต่อมา ระหว่างที่ตากำลังเดินกลับมาจากสวนก็ได้พบพระธุดงค์รูปหนึ่งนั่งสมาธิอยู่ ตารีบเดินเข้าไปกราบท่านในทันที เมื่อกลับมาถึงบ้านตาจึงเล่าเรื่องที่ได้พบกับพระธุดงค์ให้ยายฟัง
"เมื่อกี้ตอนกำลังเดินกลับบ้าน ฉันเจอกับพระธุดงค์รูปหนึ่ง จึงเดินเข้าไปกราบท่าน" ตาเล่าให้ยายฟังด้วยความดีใจ
"จริงหรือตา จะว่าไปเราก็ไม่ได้ทำบุญกันมานานแล้วนะ ฉันอยากทำบุญกับท่านจังเลย" ยายกล่าวตัดพ้อ
"งั้นพรุ่งนี้เช้าเราทำอาหารไปถวายท่านกันดีไหมยาย ?" ตาชักชวนยาย
ในขณะเดียวกันสายตาของตาก็เหลือบไปเห็นแม่ไก่ที่กำลังจิกกินอาหารอยู่ไม่ไกล จึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
"ตาว่าเราอาจจะต้องนำแม่ไก่มาทำอาหารถวายพระดีไหมยาย ?" ตาถามยาย
"ฉันเห็นด้วยกับตานะ งั้นพรุ่งนี้เช้าฉันจะรีบตื่นมาทำอาหารไปถวายพระเอง" ยายกล่าว
"ถ้าแม่ไม่อยู่แล้ว พวกเจ้าต้องเป็นเด็กดีและรักกันนะลูก" แม่ไก่สั่งเสียทั้งน้ำตา
เช้าวันต่อมา ตาอุ้มแม่ไก่ออกมาจากเล้า โดยมีลูกเจี๊ยบทั้ง 7 ตัว เดินตามมาเป็นขบวน ทันใดนั้นเองตาก็โยนแม่ไก่เข้าไปในกองไฟ ลูกเจี๊ยบทั้งหมดตกใจต่างพากันร้องไห้ และไม่นานทั้งหมดก็กระโดดเข้าไปในกองไฟเพื่อตายตามแม่ไก่ไป ด้วยความกตัญญูในครั้งนี้จึงทำให้ลูกไก่ทั้ง 7 ตัว กลายเป็นดวงดาว 7 ดวงที่ส่องแสงระยิบระยับในยามค่ำคืน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ระหว่างแม่และลูก
แม่ไก่มีความกตัญญู จึงรู้จักตอบแทนบุญคุณต่อผู้มีพระคุณ เช่นเดียวกันกับลูกเจี๊ยบที่มีความรักและกตัญญูต่อแม่ไก่ เหมือนดั่งสุภาษิตที่ว่า "ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี" หากใครที่มีบุญคุณกับเรา หรือเมื่อใดที่เราได้รับการช่วยเหลือจากใคร เช่น พ่อ แม่ ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ หากมีโอกาสควรทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ทดแทนบ้าง ตามสมควรแก่ความสามารถและโอกาสที่เรามี
ขอบคุณข้อมูลจาก : en.wikipedia.org, nithan.in.th