ลาโง่กับสิงโต นิทานอีสปสอนใจที่ให้ข้อคิดแก่เด็ก ๆ ได้นำไปปรับใช้ในชีวิต อีกทั้งยังมีเนื้อหากระชับเหมาะสำหรับไว้เล่าให้ลูกฟังก่อนนอนได้อีกด้วย
หลังจากที่ลูกรักวิ่งเล่นหรือเรียนหนังสือมาจนเหนื่อย เมื่อถึงเวลาเข้านอนถือเป็นเวลาที่ดีในการอบรมสั่งสอนหรือให้ข้อคิดกับเขา แต่ถ้าพ่อแม่คนไหนพูดไม่ค่อยเก่ง หรือกลัวว่าลูกรักจะไม่ยอมอยู่นิ่ง ถ้าอย่างนั้นลองเอา
นิทานอีสปก่อนนอนไปเล่าให้เขาฟังกันเลย อย่าง นิทานอีสป ลาโง่กับสิงโต
ที่กระปุกดอทคอมเอามาฝากนี้แหละ ทั้งสนุกและปลูกฝังข้อคิดสอนใจ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มาตามอ่านกันได้เลย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสิงโตเจ้าป่าอยู่ตัวหนึ่ง มันมักจะออกล่าเหยื่อเพียงลำพัง และทุกครั้งก่อนออกล่าก็ต้องส่งเสียงร้องคำรามลั่นป่าตามสัญชาตญาณทุกครั้งไป ในช่วงแรกก็มีสัตว์ให้สิงโตได้กินอย่างอิ่มหนำสำราญ แทบจะไม่ต้องออกแรงวิ่งตามให้เหนื่อยสักนิด แต่ช่วงหลังมานี้เหล่าสัตว์ที่ตกเป็นเหยื่อทั้งหลายเริ่มรู้ว่า ก่อนออกล่าเจ้าป่าจะชอบส่งเสียงคำรามดังก้อง แม้มองไม่เห็นตัวของมัน แต่ก็พอเดาได้ว่าเสียงนั้นมาจากทิศทางใดกันแน่ "
เสียงสิงโตร้องคำรามอีกแล้ว น่าจะดังมาจากภูเขาลูกนั้นแน่เลย" เสียงกวางหนุ่มหันไปบอกเจ้าหมูป่าที่กำลังแทะผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย หมูป่าหันขวับขึ้นมาด้วยท่าทางตกใจ "ถ้าอย่างนั้นเรารีบวิ่งหลบไปอีกฝั่งแม่น้ำกันดีกว่า !" หมูป่าเอ่ยชวนเจ้ากวาง แล้วทั้งคู่ก็วิ่งออกไปพร้อมตะโกนบอกสัตว์อื่นให้หนีไปทางแม่น้ำกัน
"สิงโตมาแล้ว มันกำลังจะมาล่าเหยื่อแล้ว รีบวิ่งไปอีกฝั่งของแม่น้ำกันพวกเรา !" เสียงหมูป่าและกวางหนุ่มร้องเตือนด้วยความตื่นกลัว เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเหล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยเลยไหวตัวทัน พากันวิ่งหนีออกไปอีกทาง ทำให้สิงโตเจ้าป่าต้องตามไปสุดฝีเท้า กว่าจะได้กินเหยื่อแต่ละครั้งก็เหนื่อยจนแทบหมดแรง
"เห็นทีจะวิ่งไล่เจ้าสัตว์ป่าพวกนี้ไม่ไหวแล้วเรา คงต้องหาแผนการใหม่ซะแล้ว" สิงโตบ่นกับตัวเองขณะกินเหยื่อที่อุตส่าห์ออกล่าอย่างยากลำบาก
อยู่มาวันหนึ่ง สิงโตรู้ว่ามีลาโง่ผู้ชอบโอ้อวดอยู่อีกฟากของป่า ทำให้มันคิดแผนใหม่ได้ จึงออกเดินทางไปชวนให้เจ้าลาตัวนั้นมาเป็นเพื่อนล่าเหยื่อด้วยกัน
"เจ้าลาหนุ่มผู้ปราดเปรื่อง ตอนนี้ข้ากำลังหาเพื่อนมาล่าเหยื่อด้วยกัน เจ้าสนใจอยากมาเป็นคู่หูรู้ใจกับข้าหรือไม่" สิงโตกล่าวกับลาด้วยนัยน์ตามีเลศนัย ได้ยินอย่างนั้นเจ้าลาก็ยิ่งดีใจ ไม่คิดว่าจะมีสิงโตผู้น่าเกรงขามมาขอเป็นเพื่อน "ท่านเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่มาชวนข้าด้วยตัวเองอย่างนี้ มีหรือที่จะปฏิเสธได้ ถ้าอย่างนั้นเราไปล่าเหยื่อด้วยกันเถิด สิงโตเพื่อนรัก" เจ้าลาโง่กล่าวด้วยความซื่อไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วสิงโตไม่ได้มองว่ามันเป็นเพื่อนสักนิด แถมยังยินยอมตามเจ้าป่าไปแบบไม่มีข้อแม้ เมื่อเวลาออกล่าเหยื่อมาถึง สิงโตใช้กลอุบายให้ลาซ่อนตัวในพุ่มไม้แล้วก็เปล่งเสียงออกมาแบบดังที่สุด "
เจ้าซ่อนตัวในพุ่มไม้นี่นะลาเพื่อนรัก พอข้าเดินไปถึงฝั่งตรงข้ามเจ้าก็ร้องคำรามเสียงอันน่าเกรงขามมาได้" สิงโตพูดพร้อมวิ่งออกไปอีกทาง
"เราจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังเลย สิงโตเพื่อนรักเอ๋ย" จากนั้นลาโง่ก็คำรามออกมาสุดกำลัง พอสัตว์อื่นได้ยินเสียงประหลาดของมันเลยตกใจ แล้วพากันวิ่งหนีไปฝั่งที่สิงโตดักเอาไว้อีกทาง วันนั้นสิงโตเจ้าเล่ห์เลยมีเหยื่อให้กินแบบไม่ต้องออกแรงวิ่งอย่างที่เคยเป็น ส่วนเจ้าลาโง่ก็เที่ยวเล่าเรื่องที่ตนทำกับสิงโตอย่างโอ้อวดไปทุกที่ที่เดินผ่าน โดยไม่รู้เลยว่าสัตว์อื่นต่างหัวเราะเยาะที่มันโดนเจ้าป่าหลอกใช้เอาเสียงประหลาด ๆ มาสร้างผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง "
เสียงคำรามประหลาด ๆ นั่นคือเสียงของเจ้าลานี่หรอกหรือ" กวางหนุ่มบ่นกับหมูป่า พร้อมหันมาหัวเราะเยอะในความโง่ของเจ้าลาตัวนั้นกัน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : อย่าตกเป็นเหยื่อให้คนอื่นหลอกใช้เพียงเพราะเขาคนนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือมีหน้ามีตาในสังคม เด็ก ๆ ควรตรวจสอบให้ดีเสียก่อนว่าสิ่งที่เขาให้เราช่วยนั้นจะทำเราเดือดเนื้อร้อนใจภายหลังหรือไม่ แล้วมันจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเราในอนาคตหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นอาจเข้ากับคติเตือนใจที่ว่า คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาดได้แบบไม่รู้ตัว