x close

เปิดใจหญิงรับจ้างอุ้มบุญ เผยแรงจูงใจคือได้ค่าตอบแทนสูง


ข่าวอุ้มบุญ เปิดใจหญิงรับจ้างอุ้มบุญ
ข่าวอุ้มบุญ เปิดใจหญิงรับจ้างอุ้มบุญ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส

            เปิดใจหญิงรับจ้างอุ้มบุญ เผยแรงจูงใจคือได้ค่าตอบแทนสูง และช่วยให้ครอบครัวที่มีปัญหาด้านการมีบุตรได้สมหวัง ไม่อยากให้มองเป็นการค้ามนุษย์

            จากข่าวเรื่องการรับจ้างอุ้มบุญที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ กับข่าวน้องแกรมมี่ และชายชาวญี่ปุ่น ที่จ้างหญิงไทยอุ้มท้องลูกให้หลายคน ทำให้สังคมได้รับรู้ว่ามีการใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการให้หญิงไทยรับจ้างอุ้มบุญ ตั้งท้องลูกให้คู่สามีภรรยาต่างชาติจนคล้ายเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง ล่าสุด (9 สิงหาคม 2557) ทางไทยพีบีเอส ได้ทำการพูดคุยกับหญิงสาวรายหนึ่ง ที่เคยเกือบจะรับทำอุ้มบุญให้ชายชาวญี่ปุ่นที่เป็นข่าว และหญิงสาวอีกราย ที่เคยรับทำอุ้มบุญมาแล้ว ซึ่งทั้งคู่ยอมรับว่า ขบวนการนี้มีมานานแล้ว โดยมีการเสนอค่าตอบแทนที่สูง ทำให้หลายคนสนใจรับทำนั่นเอง

            นางเอ (นามสมมติ) หญิงวัย 23 ปี ที่เคยเกือบจะรับทำอุ้มบุญให้ชายชาวญี่ปุ่นที่เป็นข่าว เผยว่า ระหว่างที่ตกลงกันนั้น เธอพบว่าตัวเองตั้งท้องลูกชายได้ 3 เดือนแล้ว ทำให้ตัดสินใจปฏิเสธเงินกว่า 340,000 บาท เพื่อแลกกับการอุ้มบุญลูกให้ นายชิเกตะ มิซูโตกิ ชายชาวญี่ปุ่น ส่วนแรงจูงใจที่ทำให้เธออยากรับทำอุ้มบุญในตอนแรกนั้น เพราะฐานะที่ค่อนข้างลำบาก หาเช้ากินค่ำ ไม่มีความรู้เรื่องการทำอุ้มบุญ ทราบเพียงว่าได้ค่าตอบแทนสูง การทำอุ้มบุญ จึงเหมือนเป็นทางเลือกที่ทำให้เธอได้ปลดหนี้และใช้ในการเลี้ยงดูลูกของตัวเอง แม้สังคมจะมองว่าการรับจ้างทำอุ้มบุญเป็นเรื่องไม่เหมาะสม แต่เธอมองว่า เป็นการช่วยให้ครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องการมีบุตรได้สมหวัง

            "แต่กระแสที่ออกมาคือเหมือนว่าเป็นการค้ามนุษย์ เป็นบาป ถามหน่อยเถอะ ถ้าการค้ามนุษย์ คือเราท้องลูกของเราแล้วไปขายให้เขา นั่นคือการค้ามนุษย์ แต่อันนี้คือน้ำเชื้อของเขาอะ ถูกไหม แค่เขามาฝากให้เราท้องให้ ถ้าคลอดออกมาเห็นหน้าเด็กแล้ว อุ๊ย ! น่ารักจังเลย เอาไว้เป็นของตัวเอง ถามหน่อยว่าเรามีปัญญาเลี้ยงเหรอ ลูกเราแค่ 2 คน เรายังหาเช้ากินค่ำแทบจะไม่พอ ที่เราตัดสินใจไปทำคือว่า เราท้องลูกให้เขา เขาเอาลูกเขาไป เราได้เงินกลับคืนมา นั่นคือจุดประสงค์ที่เราจะทำ" นางเอ กล่าว

            ด้านนางบี นามสมมติ หญิงสาววัย 25 ปี เพื่อนบ้านใกล้เคียงซึ่งเคยถูกว่าจ้างจากนายหน้าคนเดียวกัน ทำอุ้มบุญลูกแฝดให้กับครอบครัวชาวออสเตรเลียมาแล้ว เมื่อเดือนธันวาคม 2556 ก็เผยว่า ได้รับค่าจ้างเดือนละ 12,000 บาท จนกว่าจะคลอด และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จะตามมาหลังจากคลอดรวมเป็นเงินกว่า 300,000 บาท ซึ่งช่วยให้ครอบครัวของเธอมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ปัจจุบันเธอมีลูกแล้ว 3 คน การอุ้มท้องเด็กจากการทำอุ้มบุญจึงไม่เป็นอุปสรรค เธอดูแลเหมือนกับลูกของตัวเอง มีความผูกพัน แต่ก็รู้ดีว่าสักวันเด็กก็ต้องไปอยู่กับคนอื่น

            ความพยายามของหลายหน่วยงานที่พร้อมตรวจสอบและเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับจ้างทำอุ้มบุญ แต่ผู้เคยรับจ้างทำอุ้มบุญกลับเห็นว่า ขบวนการนี้เกิดขึ้นมานานในสังคม และหลายองค์การที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างรับรู้เป็นอย่างดี ตอนที่ไปโรงพยาบาลเพื่อผ่าคลอด หมอเขาก็จะรู้ว่าเป็นการอุ้มบุญ คือเขารู้กัน พอถึงเวลาเอาเด็กออกนอกประเทศ ก็ต้องไปที่สถานทูตในนามคุณแม่อุ้มบุญ คือไปยกลูกให้เขา มองว่าถ้ามันผิดกฎหมายจริง ๆ เขาจะผ่านสถานทูตและเอาเด็กกลับประเทศได้อย่างไร











เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เปิดใจหญิงรับจ้างอุ้มบุญ เผยแรงจูงใจคือได้ค่าตอบแทนสูง อัปเดตล่าสุด 13 สิงหาคม 2557 เวลา 14:09:13 5,058 อ่าน
TOP