ข่าวอุ้มบุญ (แฟ้มภาพ)
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยพีบีเอส
อุ้มบุญไม่เข้าข่ายค้ามนุษย์ ตำรวจเล็งเอาผิดคลิกนิกรับทำอุ้มบุญ 2 ข้อหา พร้อมเร่งติดตามตัวพ่อชาวญี่ปุ่นให้ข้อมูลทางการไทย
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2557 พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยหลังการประชุมติดตามความคืบหน้า กรณีเด็กอุ้มบุญไทย-ญี่ปุ่น 14 คน ว่า การสืบสวนได้ความคืบหน้าและความชัดเจนมาก ทำให้เชื่อได้ว่า กรณีนี้มีการกระทำลักษณะเป็นขบวนการ และมีการเตรียมการเป็นระบบ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไทยยังไม่มีกฎหมายข้อบังคับเกี่ยวกับการทำอุ้มบุญโดยตรง รวมถึงการทำอุ้มบุญก็ไม่เข้าข่ายความผิดฐานค้ามนุษย์ ทางตำรวจจึงจะพิจารณาใช้กฎหมายในข้ออื่นที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดำเนินการเพื่อหยุดยั้งขบวนการนี้ ส่วนการสอบปากคำมารดาผู้รับอุ้มบุญของเด็กทั้ง 14 คน เจ้าหน้ากำลังเร่งรัดติดตามตัวมารดาผู้อุ้มบุญ ทั้ง 10 คน มาสอบปากคำให้ครบถ้วน ในเบื้องต้นสอบปากคำไปแล้ว 3 คน
สำหรับการติดตามตัว นายชิเกตะ มิตสุโตกิ อายุ 24 ปี พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น ตำรวจได้ประสานขอข้อมูลส่วนตัวโดยละเอียดกับทางการญี่ปุ่นไปแล้ว พร้อมขอให้เดินทางกลับเข้ามาในไทย เพื่อให้ข้อมูลกับทางการไทยโดยเร็ว
ขณะเดียวกัน มีการเปิดเผยรายชื่อเด็กทั้ง 14 คน และกำลังตั้งครรภ์ในท้องอีก 1 คน ที่เป็นลูกของ นายชิเกตะ มิซูโตกิ โดยในจำนวนนี้เด็ก 5 คน มีชื่อ ระบุสัญชาติไทย โดยใช้นามสกุลของ นายชิเกตะ ในทะเบียนราษฎร์มีบ้านเลขที่ลักษณะเป็นอาคารชุด อยู่ย่านลาดพร้าว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการตรวจสอบสถานพยาบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พบว่า หลายแห่งปิดคลินิกและนำเอกสารออกจากคลินิกไปทั้งหมด ซึ่งเข้าใจได้ว่า จงใจหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ได้เอกสารมาส่วนหนึ่ง ซึ่งชัดเจนว่าผู้รับทำอุ้มบุญนั้นกระทำการโดยไม่ชอบตามระเบียบของแพทยสภาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า สำนักงานส่งเสริมบริการสุขภาพ จะเข้าแจ้งความ สน.ลุมพินี ให้ดำเนินคดีกับเจ้าของคลินิกรับทำอุ้มบุญ ย่านถนนวิทยุ 2 ข้อหา คือ ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยที่ไม่รับอนุญาต และปล่อยให้ผู้ประกอบวิชาชีพไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ว่า ด้วยวิชาชีพเวชกรรม ต้องระวางโทษ จำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนสถานพยาบาลที่มีข้อมูลว่า ทำอุ้มบุญไม่ถูกกฎหมาย มี 12 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นของเอกชน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบความชัดเจน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดตามกฎหมาย
