แพทยสภาสั่งสอบแพทย์ คลินิกอุ้มบุญน้องแกรมมี่ ผิดจริงเจอโทษหนัก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณเรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            ข่าวอุ้มบุญน้องแกรมมี่ ล่าสุด แพทยสภาสั่งสอบคลินิกอุ้มบุญและแพทย์ที่เกี่ยวข้องแล้ว ผิดจริง ลงโทษแน่ ด้าน พม. ส่งร่างกฎหมายอุ้มบุญให้ คสช. พิจารณาแล้ว

            เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2557 น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) แถลงข่าวภายหลังเข้าตรวจสอบคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางสาขาสูตินรีเวชกรรม "เอส เอ อาร์ ที" ว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นสถานพยาบาลที่ทำการอุ้มบุญให้แม่น้องแกมมี่จริง แต่ที่ตรวจเวชระเบียนไม่พบ เพราะแม่ของน้องแกรมมี่เปลี่ยนชื่อมาถึง 3 ครั้ง โดยตอนมารับบริการใช้ชื่อหนึ่ง ตอนเข้ารักษาตัวที่ รพ.สมิติเวชศรีราชา ได้ใช้อีกชื่อหนึ่ง และตอนเปิดเผยตัวเรื่องน้องแกรมมี่ก็ใช้อีกชื่อหนึ่ง


            อย่างไรก็ตาม น.ต.นพ.บุญเรือง ระบุว่า จากการตรวจสอบชัดเจนว่า คลินิกแห่งนี้ให้บริการอุ้มบุญแก่คนที่ไม่ใช่ญาติ และมีการจ่ายค่าตอบแทนในลักษณะการจ้างวานในเชิงพาณิชย์ ซึ่งผิดตามประกาศของแพทยสภา มีความผิดตามมาตรา 34 (2) พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 แม้จะจดทะเบียนถูกต้องตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และได้รับอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์จากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย แต่ผู้จดแจ้งคลินิกแห่งนี้ถือว่ามีความผิดมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

            สำหรับแพทย์ที่ดำเนินการอุ้มบุญนั้น มีความผิดฐานไม่ทำตามข้อบ่งชี้ของแพทยสภา ซึ่งขณะนี้ได้ส่งรายชื่อแพทย์ผู้ดำเนินการอุ้มบุญ และผู้จดแจ้งสถานพยาบาล ซึ่งเป็นแพทย์ที่ได้รับอนุญาตให้สามารถใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ด้วยเช่นกัน ให้แพทยสภาพิจารณาแล้ว โดยโทษสูงสุดถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม

            น.ต.นพ.บุญเรือง ยังกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบประวัติแพทย์ที่ทำการอุ้มบุญให้แม่น้องแกรมมี่นั้นมีประวัติทำการอุ้มบุญให้แก่รายอื่นพอสมควร จึงต้องตรวจสอบด้วยว่ามีการดำเนินการผิดข้อบ่งชี้อีกหรือไม่ นอกจากนี้ จะตรวจสอบแพทย์รายอื่น ๆ ในคลินิกแห่งนี้อีกประมาณ 20 ราย ว่าทำผิดข้อบ่งชี้ของแพทยสภาด้วยหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาคลินิกแห่งนี้มีการดำเนินการอุ้มบุญมากกว่า 100 ราย พร้อมกันนี้จะได้ตรวจสอบสถานพยาบาลอื่นอีก 45 แห่งที่ได้รับอนุญาตให้ทำการอุ้มบุญ และแพทย์ที่ได้รับการรับรองให้ทำการอุ้มบุญอีก 240 คนต่อไปด้วย


            อธิบดี สบส. ยังกล่าวถึงโทษในความผิดดังกล่าวว่า หากคลินิกสมคบกับเอเยนซีทำเป็นขบวนการอุ้มบุญ ต้องใช้กฎหมายอื่นในการพิจารณาความผิด เช่น กฎหมายค้ามนุษย์ ซึ่งโทษจะรุนแรงกว่าคือ จำคุก 15 ปี

            ด้าน ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เปิดเผยว่า ทางแพทยสภาได้รับเรื่องจาก สบส. แล้ว เบื้องต้นมีแพทย์ 2 คนที่เข้าข่ายแต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพื่อความเป็นธรรมของทั้งสองฝ่าย ขั้นต่อไปจะส่งเรื่องไปให้คณะอนุกรรมการจริยธรรมตรวจสอบ หากมีมูลจะส่งเรื่องกลับมายังแพทยสภาเพื่อให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาลงโทษต่อไปตามขั้นตอน คาดว่าไม่น่าพิจารณาได้เสร็จทันภายใน 1 เดือน อย่างไรก็ตาม แพทยสภาไม่มีอำนาจสั่งให้แพทย์หยุดให้บริการทางการแพทย์ได้ แต่คาดว่าทางแพทย์คงไม่กล้าทำอีก

            วันเดียวกัน นางระรินทิพย์ ศิโรรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ลงนามในร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.... ส่งไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว โดยก่อนหน้านี้ได้มีการยกร่างกฎหมายฉบับนี้เสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้นำเข้าสภาเพราะยุบสภาไปก่อน ครั้งนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสนอร่างกฎหมายอีกครั้ง ซึ่งทราบว่าฝ่ายกฎหมายของ คสช. จะประชุมเรื่องนี้ในวันที่ 13 สิงหาคม ก่อนส่งเรื่องให้ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาต่อไป










 
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก