ตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ อาการแบบนี้ผิดปกติไหม อันตรายต่อลูกในท้องหรือเปล่า คุณแม่อุ้มท้องที่กำลังกลุ้มใจกับเรื่องนี้อยู่ มาดูคำตอบ สาเหตุของอาการตกขาว พร้อมวิธีป้องกันการตกขาวกันเลย
นอกจากประจำเดือนแล้ว อีกปัญหาที่กวนใจสาว ๆ อยู่บ่อยครั้งเห็นจะเป็น อาการตกขาว หรือระดูขาว นี่แหละ ขอเกริ่นก่อนเลยว่า การตกขาวเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน จะมีลักษณะเป็นสีขาว หรือใส ไม่มีกลิ่น แต่จะไม่ปกติก็ต่อเมื่อตกขาวมีกลิ่นเหม็น และมีสีที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ดังนั้นสาว ๆ จึงไม่ควรมองข้าม ต้องคอยสังเกตตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ต้องมีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ หากเกิดตกขาวที่มีสีผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะนั่นอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้
วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำวิธีสังเกตอาการตกขาว สาเหตุและวิธีป้องกันดูแลตัวเองสำหรับคุณแม่มาฝาก มาดูกันสิว่าตกขาวระหว่างตั้งครรภ์แบบไหนที่คุณแม่ต้องกังวลกันบ้าง
ตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ แบบไหนปกติ และแบบไหนผิดปกติ
ตกขาวแบบปกติ : จะมีลักษณะเป็นมูกเหลวสีขาวขุ่นหรือออกเหลืองครีม ๆ ไม่มีกลิ่นรุนแรง ไม่มีอาการคันและมีปริมาณไม่มากนัก ซึ่งตกขาวแบบนี้ถือเป็นอาการตกขาวแบบปกติที่หญิงตั้งท้องจะพบได้เป็นประจำ อาจมีวันละนิดหน่อย หรือวันเว้นวันก็ตามแต่สภาพฮอร์โมนของแต่ละคน ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
อาการตกขาวสีเหลืองผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์เป็นอันตรายหรือไม่ ?
เมื่อตกขาวสีเหลืองแบบผิดปกติที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์นั้น เป็นสัญญาณของการติดเชื้อในช่องคลอดก็อาจจะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ได้ เช่น การติดเชื้อลุกลามจนเกิดการติดเชื้อของน้ำคร่ำ การคลอดก่อนกำหนด และยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังคลอดด้วย ดังนั้นคุณแม่ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเป็นน้ำสีเหลืองใส ไม่มีกลิ่น นั่นไม่ใช่ตกขาวแต่เป็นน้ำคร่ำที่กำลังแตก ! เป็นสัญญาณว่าคุณแม่พร้อมคลอดแล้ว
สาเหตุที่ทำให้เกิดตกขาวสีเหลืองระหว่างตั้งครรภ์
1. การติดเชื้อยีสต์
โดยปกติแล้วช่องคลอดต้องการสภาวะที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นค่า pH ระดับความชื้น หรือความสมดุลของแบคทีเรีย แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงของค่าใดค่าหนึ่งที่เป็นผลมาจาก การมีเพศสัมพันธ์ ฮอร์โมน และการล้างทำความสะอาดที่ไม่ดีพอ ก็จะนำไปสู่การติดเชื้อในช่องคลอดซึ่งเป็นที่มาของอาการตกขาวที่มีสีเหลืองได้
2. ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis)
ช่องคลอดของเรามีทั้งแบคทีเรียที่ดี และไม่ดีปะปนกันอยู่ โดยแบคทีเรียที่ดีจะทำหน้าที่ดูแลควบคุมแบคทีเรียที่ไม่ดี แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งแบคทีเรียไม่ดีมีจำนวนมากกว่าก็จะส่งผลให้ช่องคลอดติดเชื้อ เกิดเป็นตกขาวสีเหลือง หรือเขียว มีกลิ่นเหม็น และทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณช่องคลอด
3. การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตกขาวผิดปกติ และหากไม่ได้รับการรักษาให้ทันเวลาก็จะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่น ๆ ตามมาจนกลายเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างเช่น โรคพยาธิในช่องคลอด, โรคหนองใน และหนองในเทียม เป็นต้น
4. โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ (PID)
เมื่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการติดเชื้อแบคทีเรียไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้อจะแพร่กระจายไปยังมดลูก รังไข่ และท่อนำไข่ เป็นผลให้เกิดตกขาวที่มีสีเหลือง ปวดบริเวณท้องน้อย คลื่นไส้ และมีอาการปวดเวลาปัสสาวะร่วมด้วย
วิธีการป้องกันการตกขาวสีเหลือง
- เมื่อมีตกขาวควรใส่ผ้าอนามัยเพื่อให้ซึมซับ เช่นเดียวกับการมีประจำเดือน
- เช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้งหลังปัสสาวะ ด้วยวิธีเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น และการสวนทำความสะอาดบริเวณช่องคลอด เพราะจะทำให้อาการติดเชื้อหนักขึ้น
- หลีกเลี่ยงสบู่ที่ผสมน้ำหอม กระดาษชำระ สเปรย์อนามัย และกางเกงชั้นในที่รัดรูปจนเกินไป
- งดใช้สารเคมีทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น
- สวมใส่กางเกงชั้นในที่สะอาดอยู่เสมอ
- ไม่ควรเกาหากเกิดอาการคันบริเวณอวัยวะเพศ
- ไม่ควรซื้อยากินเองโดยเด็ดขาด เพราะอาจเป็นอันตรายต่อลูกในท้องได้
เมื่อรู้แล้ว คุณแม่ลองสังเกตกันดูนะคะ ว่าอาการตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นนั้นผิดปกติหรือไม่ ? หากมีอาการเสี่ยงควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้เร็วที่สุด จะได้ดูแลรักษาได้ทันเวลา เพื่อความปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูกน้อยนั่นเอง
ที่มาจาก : momjunction.com, vejthani.com, whattoexpect.com
วันนี้กระปุกดอทคอมจึงนำวิธีสังเกตอาการตกขาว สาเหตุและวิธีป้องกันดูแลตัวเองสำหรับคุณแม่มาฝาก มาดูกันสิว่าตกขาวระหว่างตั้งครรภ์แบบไหนที่คุณแม่ต้องกังวลกันบ้าง
ตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ แบบไหนปกติ และแบบไหนผิดปกติ
ตกขาวแบบปกติ : จะมีลักษณะเป็นมูกเหลวสีขาวขุ่นหรือออกเหลืองครีม ๆ ไม่มีกลิ่นรุนแรง ไม่มีอาการคันและมีปริมาณไม่มากนัก ซึ่งตกขาวแบบนี้ถือเป็นอาการตกขาวแบบปกติที่หญิงตั้งท้องจะพบได้เป็นประจำ อาจมีวันละนิดหน่อย หรือวันเว้นวันก็ตามแต่สภาพฮอร์โมนของแต่ละคน ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
ตกขาวแบบผิดปกติ : จะสังเกตได้ว่าตกขาวจะมีสีเข้มต่างไปจากเดิม ทั้งเหลืองขุ่น หรืออาจเป็นสีเหลืองอมเขียวคล้ายหนอง มีกลิ่นและมีอาการคันช่องคลอดร่วมด้วย อาการตกขาวแบบนี้เป็นอาการอักเสบของช่องคลอดที่อาจเกิดได้จากเชื้อรา เชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ซึ้งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบหาทางแก้ไขโดยเร็วที่สุด
เมื่อตกขาวสีเหลืองแบบผิดปกติที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์นั้น เป็นสัญญาณของการติดเชื้อในช่องคลอดก็อาจจะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ได้ เช่น การติดเชื้อลุกลามจนเกิดการติดเชื้อของน้ำคร่ำ การคลอดก่อนกำหนด และยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังคลอดด้วย ดังนั้นคุณแม่ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเป็นน้ำสีเหลืองใส ไม่มีกลิ่น นั่นไม่ใช่ตกขาวแต่เป็นน้ำคร่ำที่กำลังแตก ! เป็นสัญญาณว่าคุณแม่พร้อมคลอดแล้ว
สาเหตุที่ทำให้เกิดตกขาวสีเหลืองระหว่างตั้งครรภ์
1. การติดเชื้อยีสต์
โดยปกติแล้วช่องคลอดต้องการสภาวะที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นค่า pH ระดับความชื้น หรือความสมดุลของแบคทีเรีย แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงของค่าใดค่าหนึ่งที่เป็นผลมาจาก การมีเพศสัมพันธ์ ฮอร์โมน และการล้างทำความสะอาดที่ไม่ดีพอ ก็จะนำไปสู่การติดเชื้อในช่องคลอดซึ่งเป็นที่มาของอาการตกขาวที่มีสีเหลืองได้
2. ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis)
ช่องคลอดของเรามีทั้งแบคทีเรียที่ดี และไม่ดีปะปนกันอยู่ โดยแบคทีเรียที่ดีจะทำหน้าที่ดูแลควบคุมแบคทีเรียที่ไม่ดี แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งแบคทีเรียไม่ดีมีจำนวนมากกว่าก็จะส่งผลให้ช่องคลอดติดเชื้อ เกิดเป็นตกขาวสีเหลือง หรือเขียว มีกลิ่นเหม็น และทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณช่องคลอด
เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตกขาวผิดปกติ และหากไม่ได้รับการรักษาให้ทันเวลาก็จะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่น ๆ ตามมาจนกลายเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างเช่น โรคพยาธิในช่องคลอด, โรคหนองใน และหนองในเทียม เป็นต้น
4. โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ (PID)
เมื่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการติดเชื้อแบคทีเรียไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้อจะแพร่กระจายไปยังมดลูก รังไข่ และท่อนำไข่ เป็นผลให้เกิดตกขาวที่มีสีเหลือง ปวดบริเวณท้องน้อย คลื่นไส้ และมีอาการปวดเวลาปัสสาวะร่วมด้วย
- เมื่อมีตกขาวควรใส่ผ้าอนามัยเพื่อให้ซึมซับ เช่นเดียวกับการมีประจำเดือน
- เช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้งหลังปัสสาวะ ด้วยวิธีเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น และการสวนทำความสะอาดบริเวณช่องคลอด เพราะจะทำให้อาการติดเชื้อหนักขึ้น
- หลีกเลี่ยงสบู่ที่ผสมน้ำหอม กระดาษชำระ สเปรย์อนามัย และกางเกงชั้นในที่รัดรูปจนเกินไป
- งดใช้สารเคมีทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น
- สวมใส่กางเกงชั้นในที่สะอาดอยู่เสมอ
- ไม่ควรเกาหากเกิดอาการคันบริเวณอวัยวะเพศ
- ไม่ควรซื้อยากินเองโดยเด็ดขาด เพราะอาจเป็นอันตรายต่อลูกในท้องได้
เมื่อรู้แล้ว คุณแม่ลองสังเกตกันดูนะคะ ว่าอาการตกขาวระหว่างตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นนั้นผิดปกติหรือไม่ ? หากมีอาการเสี่ยงควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้เร็วที่สุด จะได้ดูแลรักษาได้ทันเวลา เพื่อความปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูกน้อยนั่นเอง
ที่มาจาก : momjunction.com, vejthani.com, whattoexpect.com