หลังคลอด...ระวังไข้รุนแรง (รักลูก)
เรื่อง : ก้านแก้ว
คุณแม่หลังคลอดอาจมีอาการไข้ ปวดหัว ตัวร้อน เกิดขึ้นได้ค่ะ เป็นเพราะปฏิกิริยาตอบสนอง เมื่อร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งรักษาง่าย ไม่นานก็หาย ไม่มีอันตราย แต่เมื่อใดที่คุณแม่มีไข้พร้อมกับอาการอื่น ๆ อาจเป็นสัญญาณของโรคติดเชื้อรุนแรงที่จะตามมา และต้องได้รับการดูแลรักษาโดยด่วน
รู้จักอาการไข้หลังคลอด
หลังคลอด 1 วันแรก หากคุณแม่มีอาการ ไข้ ปวดเมื่อยตัว ปวดหัว ตัวร้อน ถือว่าเป็นอาการไข้ธรรมดา ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากร่างกายเหน็ดเหนื่อยจากการคลอด และการอักเสบของเซลล์ต่าง ๆ จากการคลอดหรือผ่าตัดคลอด
วิธีรักษา : เพื่อป้องกันอาการไข้หลังคลอด วันแรกหลังคลอดคุณแม่ควรลุกจากเตียง ขยับตัว หรือเดินเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้เลือดภายในร่างกายไหลเวียนได้ดี และควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยให้มีน้ำในการใช้สร้างน้ำนม อุจจาระนิ่ม ถ่ายได้ง่าย และในกรณีมีไข้จะมีการสูญเสียน้ำ จึงควรดื่มน้ำเยอะ ๆ รวมทั้งควรฝึกไอจากช่องท้อง เพื่อขับเสมหะที่ค้างอยู่ภายในหลอดลมออกมาให้หมด หากเป็นคุณแม่ที่คลอดโดยการผ่าตัด ควรใช้มือกดแผลไว้สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจึงไอออกมา ถ้าคุณแม่กำลังมีไข้สามารถทานยาพาราเซตามอลได้ ควรเช็ดตัวเพื่อลดไข้ กรณีที่นอนนาน ๆ ต้องระวังเรื่องการอุดตันของหลอดเลือดค่ะ คุณแม่จึงควรหมั่นขยับขาและกระดกข้อเท้าบ่อย ๆ เพราะการอุดตันของหลอดเลือดก็ทำให้มีไข้ได้ค่ะ
เป็นไข้รุนแรงหลังคลอด...หรือเปล่า
ถ้าคุณแม่ป่วยเป็นไข้รุนแรงหลังคลอด อาจพบอาการได้ ดังต่อไปนี้ค่ะ
1.อาการไข้ ปวดหลัง ปัสสาวะบ่อย ปวดมาถึงท้องน้อยเวลาปัสสาวะ หนาวสั่น (หลังคลอด 2-3 วัน)
เกิดการอักเสบของกรวยไต หรือติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ ส่วนใหญ่จะพบในคุณแม่ที่คลอดยาก ต้องตรวจภายในหลายครั้งก่อนคลอด หรือคุณแม่หลังคลอดปัสสาวะไม่ออก แล้วต้องให้คุณหมอสวนปัสสาวะหลาย ๆ ครั้ง และคุณแม่หลังคลอดที่ต้องใส่สายสวนปัสสาวะไว้นานจนเกินไป ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ เมื่อได้รับการตรวจปัสสาวะจะพบว่ามีเม็ดเลือดขาวและแบคทีเรียเจือปน
วิธีรักษา :คุณหมอจะให้น้ำเกลือ ให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือดและดื่มน้ำเยอะ ๆ ค่ะ
2.มีไข้สูง หนาวสั่น เจ็บเต้านม เต้านมแดงคัดมาก (หลังคลอด 7 วัน)
คุณแม่หลังคลอดจะมีอาการอักเสบที่เต้านมได้ถึง 15% โดยจะรู้สึกคัดตึงที่เต้านมและมีไข้ประมาณ 38-39 องศาเซลเซียส แต่ถ้าคุณแม่ประคบเต้านม และหมั่นให้ลูกดูดนมบ่อย ๆ อาการไข้ก็จะหายเองได้ แต่หากมีอาการติดเชื้อที่เต้านม จะมีไข้สูงติดต่อกัน 7-10 วัน ส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากสิ่งสกปรกที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม ซึ่งถ้าคุณแม่มีหัวนมแตก เชื้อโรคจะเข้าไปได้ง่าย จนกลายเป็นหนองที่เต้านมได้ค่ะ
วิธีรักษา :ในกรณีที่ไข้สูง อักเสบมาก หรือเป็นหนอง จำเป็นต้องฉีดยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด ให้น้ำเกลือ และเจาะดูดหนองออก
3.อาการไข้ ปวดบวมแดงที่ขา กดที่ขาแล้วเจ็บ (หลังคลอด 5-6 วัน)
เป็นอาการอักเสบของหลอดเลือดดำบริเวณขา โดยปกติแล้วหลังคลอดภายใน 1-2 สัปดาห์ จะมีอาการขาบวมได้จากการที่เวลาเลี้ยงลูกแล้วต้องนั่งห้อยขานาน ๆ แต่ถ้าปวดบวมแดง กดเจ็บและมีไข้ อาจมีการอักเสบของหลอดเลือดดำที่ขาได้ค่ะ
วิธีรักษา :นอนหงาย ยกขาสูง พยายามหลีกเลี่ยงการยืนหรือห้อยขานาน ๆ ในระหว่างที่มีอาการปวด หรือหากมีอาการไข้และปวดมากควรทานยาลดไข้ กรณีที่หลอดเลือดดำอักเสบ อาจต้องให้ยาทางหลอดเลือดด้วยค่ะ
4.อาการไข้ ปวดเมื่อย ปวดท้อง ปวดมดลูก น้ำคาวปลาสีเข้มขึ้น และปริมาณมากขึ้น มีกลิ่นเหม็นและเป็นหนอง (หลังคลอด 5-6 วัน)
เป็นอาการอักเสบของมดลูกและเยื่อบุโพรงมดลูก เกิดจากการมีเชื้อโรคในโพรงมดลูก มีความเสี่ยงในกรณีที่ตอนคลอดแล้วรกค้าง ต้องใช้เครื่องมือเข้าไปในโพรงมดลูก ทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ หรือกรณีที่คลอดยาก รอคลอดหลายชั่วโมง ต้องตรวจภายในบ่อย ๆ ก็จะเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ค่ะ และอาการแผลผ่าตัดติดเชื้อ ส่วนใหญ่จะเป็นในคุณแม่ที่น้ำเดินหลายชั่วโมงก่อนมาถึงโรงพยาบาลและต้องรอคลอดนานค่ะ
วิธีรักษา :คุณหมอจะให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด เพื่อรักษาการติดเชื้อค่ะ
อาการไข้รุนแรงหลังคลอดเหล่านี้ ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาโดยเร็วจะเป็นอันตราย อาจเกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดได้ ดังนั้น ถ้าคุณแม่หลังคลอดมีอาการไข้สูงพร้อมกับอาการที่รุนแรงร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ปีที่ 31 ฉบับที่ 361 กุมภาพันธ์ 2556