ทารกหญิงอินเดียสุดโชคร้าย เกิดมาพร้อมภาวะเด็กกบ ตาปูดโปน มีศีรษะเพียงครึ่ง นับเป็นปาฏิหาริย์ที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 48 ชั่วโมง
รายงานจากเว็บไซต์มิเรอร์ของอังกฤษ ระบุว่า ทารกหญิงรายนี้ ถือกำเนิดขึ้นที่คลินิกในรัฐอุตตรประเทศ ของอินเดีย เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา โดยความผิดปกติแต่กำเนิดของเธอสร้างความสลดหดหู่ใจให้กับทีมแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะเธอมีศีรษะเพียงครึ่งเดียว ดวงตาปูดโปนออกมาคล้ายกบ ขณะที่ทางด้านชาวบ้านเมื่อรู้ว่ามีการให้กำเนิดเด็กกบดังกล่าว ต่างให้ความสนใจกันใหญ่ พากันมารวมตัวกันหน้าคลินิก หวังจะได้เห็นความผิดปกติของทารกกับตาของตัวเอง
สำหรับภาวะเด็กกบนี้ ในทางการแพทย์เรียกว่า Anencephaly เกิดจากท่อระบบประสาทผิดปกติ (neural tube defect) ซึ่งจะเกิดในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ราวสัปดาห์ที่ 3-4 หลังจากการปฏิสนธิ ส่วนปลายของท่อระบบประสาทในเด็กกบเหล่านี้ไม่ปิดเข้าหากัน จึงไม่สามารถพัฒนาการสร้างส่วนกะโหลกและสมองที่สมบูรณ์ได้
ทารกจะถือกำเนิดโดยไม่มีกะโหลกศีรษะ เยื่อหุ้มสมอง และสมองใหญ่ที่ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ แต่ยังคงมีส่วนของก้านสมองอยู่ โดยจะมีเพียงเยื่อบาง ๆ ปกคลุมเอาไว้ ทารกเหล่านี้มักไม่รู้สึกตัว มองไม่เห็น ฟังไม่ได้ยิน ไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ยังสามารถหายใจได้ ทารกมักเสียชีวิตหลังคลอดราว 2-3 วินาทีหรือ 1 วัน แต่บางครั้งก็อาจพบได้ว่ามีชีวิตรอดอยู่นานเกิน 10 วัน แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
นายแพทย์กุสุม ลาทา วัย 30 ปี ผู้ทำคลอดให้กับนางสาวิตา รานี แม่ของทารกรายนี้ ได้เปิดเผยว่า "ความผิดปกติแบบนี้มีสาเหตุมาจากแม่มีพฤติกรรมทานอะไรที่ไม่ควรทานระหว่างตั้งครรภ์ เลยส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทารกในครรภ์เช่นนี้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมหมอถึงให้หญิงตั้งครรภ์เข้ารับการตรวจครรภ์อย่างต่อเนื่องตลอดการตั้งครรภ์ เพราะหากเราพบความผิดปกติก็จะได้แนะนำหรือหาทางออกที่เหมาะสมให้ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดปกติรุนแรงของทารกดังกล่าว"
อย่างไรก็ดีทารกรายนี้เสียชีวิตลงหลังถือกำเนิดได้ 48 ชั่วโมง หรือ 2 วันพอดี ซึ่งนับว่าเธอมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าปกติ
ภาพจาก ilmattino.it