เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก blogspot.com, news-12.com
ไม่มีคำไหน ๆ ที่จะมาใช้เรียกสาวน้อยวัย 6 ขวบจากอังกฤษคนนี้ได้ดีไปกว่าคำว่า "ฮีโร่" อีกแล้ว เพราะหนูน้อย ราโมน่า กิ๊บส์ เข้าปกป้องน้องสาวที่อ่อนกว่า 3 ปี จากรถยนต์ที่กำลังพุ่งเข้ามาหา ด้วยการผลักน้องออกจากทาง จนตัวเองถูกรถชนแทนเข้าอย่างจัง
รายงานจากเว็บไซต์เดลิเมล วันที่ 2 พฤษภาคม ระบุว่า เหตุการณ์อันน่ายกย่องของฮีโร่น้อยคนนี้ เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2011 ขณะที่ ราโมน่า วัย 6 ขวบ และ ทริกซี่ น้องสาววัย 3 ขวบ กำลังเล่นอยู่นอกบ้านตรงบริเวณทางเท้าริมถนน แต่จู่ ๆ ก็มีรถคันหนึ่งปีนฟุตบาธพุ่งมาทางที่ทริกซี่ยืนอยู่ แต่ก่อนรถจะถึงตัวทริกซี่ ราโมน่าก็กระโดดเข้ามาผลักน้องสาวออกไปให้พ้นทาง ทำให้รถยนต์คันดังกล่าวแล่นเข้าหาเธอโดยตรง อัดร่างของเธอเข้ากับรถแลนด์ โรเวอร์ อีกคันที่จอดอยู่ข้างถนน ท่ามกลางเสียงร้องไห้จ้าของน้องสาวที่ถูกผลักล้มลงจนบาดเจ็บเล็กน้อยที่ศีรษะ และสายตาของผู้ใหญ่อีกหลายคู่ที่อยู่บริเวณนั้น
หลังเกิดเหตุ ราโมน่า ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเด็กเมืองบริสตอล เข้าห้องไอซียูอย่างทันท่วงที สาวน้อยมีบาดแผลที่ตับและปอด เชิงกรานร้าว ขาและกระดูกซี่โครงหัก หัวเข่าแตก และมีอาการเลือดออกภายใน เธอรักษาตัวอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ถึง 16 วัน ก่อนจะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ก็ยังต้องมาพบแพทย์อีกเป็นประจำ และรับการผ่าตัดไปอีก 5 ครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีการศัลยกรรมหัวเข่าด้วย
จากวันนั้นจนวันนี้ หนูน้อยราโมน่า ผู้กล้าหาญในวัย 7 ขวบ รักษาตัวเองจนหายดี และได้กลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนกับเด็กในวัยเดียวกันคนอื่น ๆ แล้ว เธอยังคงสนุกสนานกับกิจกรรมโปรด อย่างเล่นเทนนิส กระโดดดึ๋งบนเตียงผ้าใบ และว่ายน้ำ ขณะที่วีรกรรมจากการกระโดดให้รถชนแทนน้องในครั้งนั้น ก็เป็นที่ขนานนามกล่าวถึงความกล้าหาญและเสียสละของเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ถึงขนาดได้รับรางวัลเด็กและเยาวชนดีเด่น จากกองกำลังตำรวจเอวอนและซัมเมอร์เซ็ต ที่เธอเพิ่งเดินทางไปเข้าพิธีมอบรางวัลมาหมาด ๆ อีกด้วย
"หนูแทบจะรอไม่ไหว อยากเอาไปอวดเพื่อนจะแย่แล้วค่ะ" หนูน้อยราโมน่ากล่าวถึงโล่รางวัลที่เธอได้รับ พลางยังเสริมอีกว่าความจริงเธอจำได้แต่ตอนที่โดนอัดอยู่ระหว่างรถสองคัน แต่จำตอนที่ผลักน้องออกไปได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่
ส่วนทางน้องสาว หนูน้อยทริกซี่ ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในขณะนั้น เพราะตอนที่คริสและแซลลี่ พ่อและแม่ของหนูน้อยวิ่งหน้าตื่นออกมาจากบ้านเธอก็บอกกับเขาว่า "พี่ราโมน่าผลักหนู" แต่ตอนนี้ท่าทางเธอคงพอเข้าใจแล้วล่ะว่าที่พี่สาวสุดที่รักต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่บ่อย ๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา ก็เป็นเพราะพี่ปกป้องเธอนั่นเอง
ส่วนทางด้านคุณพ่อคุณแม่ของสาวน้อยทั้งสอง แม้จะตกใจกับเหตุการณ์เสี่ยงตายที่เกิดขึ้นไม่ใช่น้อย แต่ก็ภูมิใจในตัวลูกสาวคนโตของตัวเองมาก ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะหากราโมน่าไม่เข้าช่วยน้องสาวในวันนั้น ทริกซี่อาจจะไม่มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้แล้วก็ได้ เพราะอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของราโมน่าเกิดแถวบริเวณกลางลำตัว ซึ่งถ้าเทียบระดับความสูงของทริกซี่ ก็เป็นระดับศีรษะพอดีเลยทีเดียว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น พ่อกับแม่ของหนูน้อยก็ใจเสียไปไม่น้อยที่ลูกสาวคนโตเจ็บหนักขนาดนี้ แต่ก็โชคดีที่อาการของเธอดีวันดีคืน จนกลับมาสดใสร่าเริงได้ดังเดิม
ส่วนการสอบสวนคดีของหนูน้อยก็เรียบร้อยลงแล้ว โดยผลปรากฏว่าผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวคือคุณยายวัย 94 ปี ซึ่งคุณยายกล่าวว่าเผลอไปเหยียบคันเร่ง รถจึงปีนขึ้นฟุตบาธและพุ่งตรงไปยังเด็กทั้งคู่จนเกิดเหตุดังกล่าว ทำให้คุณยายถูกสั่งปรับ คุมประพฤติ และยึดใบขับขี่ไปเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่พ่อและแม่ของหนูน้อย ก็ได้ออกมาร้องเรียนให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทบทวนการอนุญาตให้ผู้สูงอายุขับขี่รถยนต์ ทั้งคู่ต้องการให้ผู้สูงวัยทั้งหลายต้องเข้ารับการทดสอบซ้ำเพื่อดูว่ามีความสามารถมากพอในระดับที่จะอนุญาตให้ขับรถได้หรือไม่
เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าแม้แต่เด็กตัวเล็ก ๆ ก็ยังเรียนรู้ที่จะเสียสละและปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า ยิ่งเป็นน้องสาวสุดที่รักของตัวเอง ก็ทำลงไปโดยไม่ลังเลเลยด้วยซ้ำ ช่างน่าชื่นชมฮีโร่ตัวน้อย หนูราโมน่า กิ๊บส์ คนนี้เสียจริง ๆ ขอปรบมือให้ดัง ๆ และขอให้เป็นเด็กดีอย่างนี้ตลอดไปนะจ๊ะคนเก่ง ^_^