
พัฒนาการเด็ก 1 เดือนลูกสามารถมองเห็นได้ดีขึ้นและไกลขึ้น โดยเฉพาะใบหน้าของคุณแม่และสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ รวมทั้งการกอด การเล่นออกเสียงลูกน้อยก็สามารถรับรู้ได้แล้วค่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเรื่องน่ารู้จากนิตยสาร รักลูก ที่จะมาเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อยในวัย 1 เเดือน มาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ
แม้สายตาจะยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่นัก แต่เด็กทารกตั้งแต่ 1 เดือนแรกก็มองเห็นใบหน้าของผู้คนได้แล้วนะคะ ทั้งยังชอบมองหน้าพ่อแม่อีกด้วย
ลูกชอบมองหน้าพ่อกับแม่
แม้ว่าเด็กแรกเกิดจะมองเห็นแค่ลาง ๆ แต่ก็รับรู้ได้ถึงความมืด ความสว่าง ซึ่งการศึกษาวิจัยของ ดร.โรเบิร์ด แฟนซ์ จิตแพทย์ด้านพัฒนาการเด็ก ปี 1960 ยืนยันได้ว่าเด็กทารกชอบมองหน้าคนมากกว่าภาพนิ่ง ๆ โดย ดร.โรเบิร์ด ให้เด็กทารกวัย 2 เดือนมองภาพคนกับภาพเบ้าตาวัวสลับกัน แล้วพบว่าดวงตาของเด็กทารกสะท้อนภาพคนมากกว่า
ในสัปดาห์แรกแม้ลูกจะเห็นหน้าแม่เป็นแค่ภาพลาง ๆ แต่ถ้าแม่ทำหน้าตาให้ลูกดู หัวเราะ ยิ้ม แลบลิ้น ทำปากจู๋ ฯลฯ ลูกก็รับรู้และพร้อมจะเลียนแบบได้แล้ว โดยเฉพาะแม่ที่ยิ้มให้ลูกบ่อย ๆ ลูกจะรู้จักการยิ้มได้เร็ว เรียนรู้ที่จะยิ้มตอบ ยิ้มทัก และมีพัฒนาการที่ดีเพิ่มขึ้นไปอีก
แม่ยิ้มหนูก็ยิ้ม
จากกรณีศึกษาวิจัยเรื่อง Still Face Experiment ของดร.เอ็ดเวิร์ด โทรนิค ที่ให้แม่กับลูกอยู่ในห้องด้วยกัน ช่วงแรกแม่ทำหน้าคุยกับลูกสนุกสนาน ชี้ชวนลูกทำนั่นทำนี่ ลูกยิ้มรับและมีความสุขมาก แต่จากนั้น ดร.เอ็ดเวิร์ด ให้แม่หันหลังแล้วทำหน้านิ่ง ๆ ผลปรากฏว่าลูกรับรู้อารมณ์ที่เปลี่ยนไปของแม่ พยายามชี้ชวนให้เล่น แกล้งหันไปมองที่อื่นเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่แม่ยังคงนิ่งเฉย สุดท้ายลูกก็ร้องไห้งอแง และเมื่อแม่ปรับเป็นสีหน้ายิ้ม และเข้าไปโอบกอดลูก ทารกคนนั้นก็กลับมาหัวเราะร่าเริงดังเดิม



หากแม่ไม่ยิ้ม ไม่ปลอบใจลูกในช่วงที่เขาร้อง เด็กจะจดจำไปตลอดชีวิต ส่งผลให้ลูกเติบโตไปเป็นเด็กก้าวร้าวไม่มั่นคงทางอารมณ์ อยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นได้ยากลำบาก เพราะเด็กจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ อีกทั้งยังมีแนวโน้มโกรธเกรี้ยว ซึมเศร้า อยู่ไม่สุข สมาธิสั้น เป็นต้น
ทำแบบนี้ ลูกอารมณดีแน่นอน
สิ่งสำคัญที่ทำให้ลูกเป็นเด็กอารมณ์ดี มีความมั่นคงทางอารมณ์ นอกจากใบหน้าที่ยิ้มแย้มของพ่อและแม่แล้ว พ่อแม่ต้องปฏิบัติดังนี้ควบคู่ไปด้วย




เด็กวัย 1 เดือน เรียนรู้เรื่องอารมณ์ของพ่อแม่ได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้น นอกจากการยิ้มและหัวเราะกับลูกแล้วพ่อแม่ยังต้องตอบสนองความรู้สึกของลูกให้เร็วและเหมาะสมด้วย เพื่อให้ลูกมีความรู้สึกมั่นคง และปลอดภัย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปีที่ 33 ฉบับที่ 394 พฤศจิกายน 2558