เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
นึกย้อนไปสมัยเราเด็ก ๆ อายุช่วง 7-13 ปี ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าของเล่นอีกแล้ว ได้ชิ้นหนึ่งนี่ทั้งห่วงทั้งหวงหอบหิ้วติดตัวไปด้วยทุกที่ แต่สิ่งเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้นให้เห็นในกลุ่มเด็กเจเนอเรชั่น Z หรือเด็กยุคใหม่ที่เกิดมาพร้อมเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป เพราะเด็กเจนฯ นี้ ไม่เลือกของเล่นอีกแล้ว แต่หันไปเลือกแก็ดเจ็ตอย่างโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ที่ช่วยเชื่อมพวกเขาเข้ากับโลกอินเทอร์เน็ตแทน
จากผลการสำรวจของ ดิ อินเทลลิเจนซ์ กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ ที่ได้ทำการสำรวจออนไลน์เด็กอายุ 7-13 ปี จำนวน 800 ราย (ผ่านการลงทะเบียนของผู้ปกครอง) เพื่อศึกษาพฤติกรรมของเด็กในยุคใหม่ และได้พบว่า 67% หรือประมาณสองในสามของเด็กกลุ่มอายุนี้ เลือกที่จะมีแก็ดเจ็ตที่ช่วยเชื่อมต่อเขาเข้ากับโลกอินเทอร์เน็ตมากกว่าจะเลือกมีของเล่นไว้ในครอบครองเสียแล้ว
33% หรือหนึ่งในสามของเด็กอายุ 7-13 ปี ต่างมีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเองแล้ว ส่วนอีก 28% ก็มีแท็บเล็ตเป็นของตัวเองด้วย ต่างจากการสำรวจเดียวกันเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ที่มีเด็กในช่วงอายุเดียวกันเพียง 5% เท่านั้นที่มีโอกาสครอบครองกระดานชนวนสุดไฮเทคดังกล่าว
เมื่อมีแก็ดเจ็ตที่เชื่อมต่อพวกเขาเข้ากับโลกออนไลน์ได้แล้ว ลองมาดูกิจกรรมที่เด็ก ๆ นิยมทำกันมากที่สุดบ้าง เว็บไซต์อันดับหนึ่งที่เด็ก ๆ เกินครึ่ง หรือที่สัดส่วน 53% เข้าไปใช้กัน ก็คือยูทูบ youtube.com ตามติดมาด้วยเว็บไซต์ดิสนีย์ disney.co.uk ที่ 31%, เว็บไซต์กูเกิล google.com 36% และเฟซบุ๊ก facebook.com ที่ 24%
ส่วนช่องทางในการสื่อสารที่เด็ก ๆ นิยมมากที่สุด คือการส่งข้อความ (35%) ตามมาด้วยการแชทผ่านตัวช่วยต่าง ๆ อย่างเฟซบุ๊กหรือสไกป์ (23%) และวิธีสุดคลาสสิกอย่างอีเมล (19%)
แทนที่การสำรวจนี้จะโฟกัสอยู่กับผลเสียที่เด็กจะได้รับจากการติดโลกออนไลน์มากเกินไป ดิ อินเทลลิเจนซ์ กรุ๊ป กลับเน้นไปที่ด้านดีที่เกิดขึ้นจากส่งเหล่านี้มากกว่า โดยได้พบว่า 70% ของเด็กเจเนอเรชั่น Z มีความสามารถในการแยกประสาททำหลายสิ่งได้พร้อม ๆ กัน ซึ่งโดยมากก็จะเป็นดูทีวีไปก็เล่นเกมไป ทำการบ้านไป หรือเล่นอินเทอร์เน็ตไปด้วยพร้อม ๆ กัน
ส่วนการได้รู้ได้เห็นข้อมูลมากมายในโลกออนไลน์ก็ทำให้เด็กค่อย ๆ ซึมซับสิ่งที่เห็น และเกิดแรงบันดาลใจ ทำให้มีความมุ่งมั่นต่อตัวเองมากขึ้น โดย 74% ของเด็ก ๆ เหล่านี้บอกว่าพวกเขาอยากจะเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยให้ได้ อยากมีรถเป็นของตัวเอง และอยากทำงานหาเงินได้เองเร็ว ๆ อันนับว่าเป็นความคิดที่โตเกินกว่าเด็กในยุคก่อน ๆ อยู่มาก
ถือได้ว่าอิทธิพลจากเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของเด็กในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก มันกลายเป็นสิ่งที่เข้ามาทดแทนของเล่น รวมทั้งการวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ เหมือนอย่างเด็กในยุคก่อน ในด้านหนึ่งแม้จะมองเห็นผลเสีย แต่ก็กลับมีผลดีปรากฏอยู่ในอีกด้านเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่การปลูกฝังและดูแลการใช้งานให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมจากผู้ปกครอง เพื่อให้เด็กได้ประโยชน์สูงสุดโดยไม่ถูกทำร้ายจากตัวเทคโนโลยีเองนะคะ
