เสียงไดร์เป่าผม ทารก ช่วยให้ลูกหยุดร้องไห้และหลับง่ายขึ้นจริงไหม ?

          สำหรับเด็กวัยทารกแล้ว การนอนหลับถือเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมาก เพราะหากเจ้าตัวน้อยนอนหลับสนิทยาวนานและเพียงพอ ก็จะมีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการที่ดีทั้งด้านสุขภาพร่างกาย สมอง และอารมณ์ แต่หนึ่งในปัญหาที่หลายบ้านประสบพบเจอก็คือการที่ลูกน้อยไม่ยอมนอน ทั้งร้องไห้ งอแง กว่าจะกล่อมให้หลับได้ก็นานเป็นชั่วโมง แถมบางครั้งยังตื่นง่ายไปอีก จนคุณพ่อคุณแม่เพลียใจ
 

          นอกจากการใช้เสียงเพลงกล่อมเด็กแล้ว วิธีเลี้ยงลูกที่คุณแม่ยุคใหม่แชร์กันก็คือการใช้เสียงไดร์เป่าผมกล่อมทารก เพราะผลที่ได้คือลูกน้อยหยุดร้องไห้และหลับง่ายขึ้น เทคนิคนี้คืออะไร ได้ผลจริงหรือเปล่า และเสียงไดร์เป่าผม ทารก ควรใช้อย่างไรไม่ให้เป็นอันตราย ลองมาหาคำตอบไปพร้อมกันค่ะ

          ถ้าย้อนไปในขณะที่ลูกยังอยู่ในครรภ์ตลอดเวลา 9 เดือน โลกของหนูน้อยนั้นไม่เคยเงียบ เขาจะได้ยินเสียงต่าง ๆ ผ่านทางท้องของคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะ เสียงหึ่ง ๆ จากอากาศ เสียงน้ำเวลาที่กำลังลอยตัวในน้ำคร่ำ เสียงพูดคุย ตลอดจนเสียงอวัยวะอื่น ๆ ทำงาน ทำให้เบบี้คุ้นชินกับเสียงลักษณะนี้มายาวนาน โดยที่ความดังของเสียงรอบตัวจะอยู่ในระดับ 80-85 เดซิเบล ซึ่งเป็นเสียงที่ดังกว่าเครื่องดูดฝุ่น แต่เบากว่าเสียงเครื่องตัดหญ้า พูดง่าย ๆ คือดังระดับเสียงไดร์เป่าผมนั่นเอง
 

          ดังนั้น เสียงไดร์เป่าผม จึงถือเป็นหนึ่งในเสียงสีขาวหรือ White Noise ที่มีความราบเรียบ สม่ำเสมอ และต่อเนื่อง คล้ายกับเสียงที่ทารกได้ยินขณะอยู่ในครรภ์มารดา ซึ่งช่วยให้ลูกรู้สึกคุ้นเคย อบอุ่น จนสามารถเคลิ้มหลับหรือเงียบสงบลงได้นั่นเอง

• ช่วยคลายความเครียดสำหรับทารก

          ถึงจะเป็นทารกก็เครียดได้นะ เพราะเมื่อคลอดออกมาเจอกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปจากในครรภ์ ทั้งแสง เสียง คนแปลกหน้า ทำให้ทารกเกิดความเครียด จะพูดจาสื่อสารก็ยังทำไม่ได้ White Noise จึงเป็นตัวช่วยให้ทารกรู้สึกปลอดภัยจากสิ่งกระตุ้นรอบข้างเหล่านั้น
 

• ช่วยให้เด็กร้องไห้สงบลงได้

          เวลาที่เด็ก ๆ ร้องไห้ ผู้ใหญ่มักจะทำเสียง “ชู่ววววว์” เพื่อปลอบให้เงียบ รู้ไหมคะว่าเสียงแบบนี้เป็นเสียงที่คล้ายกับเลือดที่ไหลเวียนในครรภ์ของคุณแม่ จึงเป็น White Noise อย่างหนึ่งเช่นกัน แต่การอุ้มและปลอบเด็กด้วยเสียงเบา ๆ นั้นอาจไม่ได้ผลมากนัก เพราะต้องทำให้ดังกว่าเสียงร้องไห้ ลูกถึงจะสงบลงได้ การเลือกใช้ White Noise จากอุปกรณ์อื่น ๆ จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยทุ่นแรงมากกว่า
 

• ช่วยให้เด็กนอนหลับง่ายขึ้น

          เสียงที่ราบเรียบและสม่ำเสมอจะไปช่วยลดสิ่งเร้าและเสียงอื่น ๆ รอบข้างทารก ทำให้ลูกหลับได้ง่ายและยาวนานขึ้นด้วย
 

• ช่วยลดความเสี่ยงของโรค SIDS

          มีงานวิจัยบางชิ้นพบว่า ทารกมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรค SIDS (โรคหลับไม่ตื่น) ลดลงถ้ามีพัดลมอยู่ในห้อง แม้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการมีพัดลมในห้องของเด็กช่วยได้อย่างไร แต่ก็ตั้งสมมติฐานได้ว่าน่าจะเกิดจากเสียงดังของพัดลมที่เป็นเสียง White Noise จึงสามารถลดการเกิด Active Sleep ซึ่งเป็นระยะหนึ่งของวงจรการนอนหลับที่ทำให้เกิดโรค SIDS ได้

          แม้ White Noise จะช่วยให้ลูกน้อยสงบลงได้ แต่การใช้เสียงไดร์เป่าผมกล่อมทารกบ่อยเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะถ้าเสียงดังเกินไป ก็อาจทำให้ลูกไม่หลับ และยังรบกวนคนในครอบครัวอีกด้วย ยิ่งถ้าใช้อย่างสม่ำเสมอในทุกวันและทุกครั้งที่ทารกนอนหลับ จะทำให้มีความเสี่ยงที่เด็กจะสูญเสียการได้ยินได้ ฉะนั้นในทางการแพทย์จึงแนะนำว่าให้ใช้เครื่องสำหรับการเปิด White Noise ที่ตั้งไว้ไม่เกิน 50 เดซิเบล (ประมาณเสียงคนอาบน้ำฝักบัวในขณะที่เรายืนอยู่หน้าห้องน้ำ) โดยวางต้นกำเนิดเสียงไว้ห่างจากเปลเด็กราว ๆ 30 ซม. และปิดเสียงเมื่อลูกหลับไปแล้ว
 

          ปัจจุบันมีตัวช่วยที่สร้างเสียงสีขาวให้ลูกน้อยฟังได้ง่าย เช่น เปิดจากแอปพลิเคชันในมือถือซึ่งจะมีให้เลือกมากมาย อย่างไรก็ตาม White Noise จะมีประโยชน์มากในช่วงลูกเพิ่งลืมตาดูโลก โดยเฉพาะช่วง 2-3 เดือน แต่เมื่อลูกมีพัฒนาการทางการได้ยินที่ดีมากขึ้น หรือสามารถนอนได้โดยไม่ต้องเปิดเสียงสีขาวแล้ว ก็ควรเลิกใช้ในทันที
 

          ไม่น่าเชื่อว่าเสียงที่ผู้ใหญ่อย่างเรารู้สึกหนวกหู กลับเป็นเสียงที่สร้างความสงบให้ลูก แถมยังช่วยให้หลับเร็วขึ้นและหยุดร้องไห้ หากบ้านไหนที่เจ้าตัวเล็กงอแง ไม่ยอมนอน ลองเอาวิธีนี้ไปใช้ดูก็ได้นะคะ
 

ขอบคุณข้อมูลจาก : babyology.com.au, newhealthadvisor.org, preciouslittlesleep.com