คนท้อง ท้องเสีย อันตรายหรือไม่ ควรดูแลรักษาอย่างไรให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูกน้อยในครรภ์ รวมถึงสามารถกินยาอะไรได้บ้าง คำถามคาใจที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนอยากรู้ วันนี้เราจะพามาหาคำตอบกัน
คุณแม่ตั้งครรภ์นอกจากจะต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษแล้ว ยังต้องระวังเรื่องโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ด้วย ซึ่งหากรู้สึกผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการทันที ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวเองและลูกน้อยในครรภ์ได้ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงได้นำความรู้เกี่ยวกับเรื่องคนท้อง ท้องเสีย พร้อมวิธีรับมือที่ถูกต้องมาฝากกัน งานนี้บอกเลยว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรพลาด
คนท้อง ท้องเสีย เกิดจากอะไร
สำหรับสาเหตุที่คุณแม่ตั้งครรภ์ท้องเสีย อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
- เกิดจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
คุณแม่หลายคนมีการเปลี่ยนแปลงอาหารการกินอย่างมากหลังตั้งครรภ์ หรือบางคนมีอาการแพ้ท้องอยากกินของแปลก ๆ หรือของเปรี้ยว ของหมักดอง เมื่อเปลี่ยนพฤติกรรมการกินกะทันหันแบบนี้ ก็อาจจะทำให้มีอาการอาหารเป็นพิษ ปวดท้อง หรือท้องเสีย ตามมาได้
- มีความเซนซิทีฟต่ออาหารมากขึ้น
คุณแม่จะมีความเซนซิทีฟต่ออาหารมากขึ้นหลังตั้งครรภ์ ยกตัวอย่างเช่น อาหารบางอย่างที่คุณสามารถรับประทานได้สบาย ๆ ก่อนตั้งครรภ์ แต่พอรับประทานหลังตั้งครรภ์กลับมีอาการแพ้ คลื่นไส้ และท้องเสีย เป็นต้น
- รับประทานวิตามินมากเกินไป
การรับประทานวิตามินระหว่างตั้งครรภ์จะช่วยบำรุงให้คุณแม่และทารกในครรภ์แข็งแรง และมีสุขภาพดี แต่ถ้ารับประทานวิตามินมากเกินไปก็อาจทำให้มีอาการคลื่นไส้ ท้องอืด และท้องเสียได้ เนื่องจากวิตามินไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน นอกจากจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลงแล้ว ยังสามารถเร่งการทำงานของระบบย่อยอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องเสียขณะตั้งครรภ์ได้อีกด้วย
คนท้อง ท้องเสีย อันตรายไหม
อาการท้องเสียขณะตั้งครรภ์ถือเป็นเรื่องปกติ และไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ โดยส่วนใหญ่จะพบได้บ่อยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณแม่ใกล้คลอดแล้ว แต่อย่างไรก็ตามหากคุณแม่มีอาการอาหารเป็นพิษ หรือท้องเสียอย่างรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
คนท้อง ท้องเสีย ทำยังไง
หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการท้องเสีย จะทำอย่างไรได้บ้าง มาดูคำแนะนำกันเลย
- ส่วนใหญ่อาการท้องเสียที่เกิดจากอาหารเป็นพิษ ไวรัส หรือแบคทีเรีย จะสามารถหายเองได้ภายในไม่กี่วัน โดยแนะนำให้คุณแม่ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อทดแทนปริมาณน้ำที่สูญเสียไป
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารทอด อาหารที่มีไขมันสูง ผลิตภัณฑ์จากนมวัว และอาหารที่มีกากใยสูง เพราะอาจทำให้อาการท้องเสียของคุณแย่ลง
- หากต้องการซื้อยามารับประทานเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อตัวเองและทารกในครรภ์ได้
- หากอาการท้องเสียไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรค และทำการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
คนท้อง ท้องเสีย กินยาอะไรได้บ้าง
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อยากรู้ว่าท้องเสียสามารถกินยาอะไรได้บ้าง เรามีคำแนะนำมาบอกกันแล้ว แต่ทั้งนี้ก่อนซื้อยามารับประทานเองอย่าลืมว่าจะต้องปรึกษาและได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้งด้วยนะคะ
1. เกลือแร่
เมื่อท้องเสียเป็นเวลานาน อาจทำให้คุณแม่มีอาการขาดน้ำ รู้สึกอ่อนเพลีย และไม่มีแรง แนะนำให้ชงเกลือแร่ดื่มแทนน้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อช่วยทดแทนปริมาณน้ำที่สูญเสียไป
2. ยาหยุดถ่าย (Imodium)
ในกรณีที่คุณแม่มีอาการท้องเสียมาก และถ่ายไม่หยุด สามารถรับประทานยาหยุดถ่าย (Imodium) เพียง 1 แคปซูลก็พอ แต่ถ้าภายใน 48 ชั่วโมงหากอาการท้องเสียไม่ดีขึ้น ควรหยุดใช้ยา และรีบไปพบแพทย์ทันที
3. ยาผงถ่านรักษาอาการท้องเสีย (Greater Ca-R-Bon)
หลายคนอาจจะเคยคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับยาผงถ่านตัวนี้ ที่มีสรรพคุณช่วยดูดซับสารพิษออกจากร่างกาย รักษาอาการท้องเสีย และแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ซึ่งเป็นยาอีกตัวที่คุณแม่ตั้งครรภ์ก็สามารถรับประทานได้เช่นเดียวกัน
4. ยาแก้ปวดท้อง (Buscopan)
หากคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการท้องเสียร่วมกับปวดท้อง แนะนำให้รับประทานยาแก้ปวด (Buscopan) เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง หรืออาการปวดเกร็งช่องท้อง
อาการท้องเสียถือเป็นเรื่องปกติของคุณแม่ตั้งครรถ์ แต่ถ้าหากคุณแม่ท้องเสียนานเกิน 2-3 วัน โดยมีอาการถ่ายไม่หยุด ถ่ายเป็นมูกปนเลือด หรือมีไข้ร่วมด้วย แนะนำว่าควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคทันที เพื่อที่จะได้รักษาได้อย่างถูกต้อง และไม่เสี่ยงอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก : healthline.com, whattoexpect.com, ยูทูบดอทคอม โพสต์โดย Dr.Seree Channel
