x close

5 ปัญหาสำคัญ หลังคลอด



5 ปัญหาสำคัญหลังคลอด
(modernmom)
เรื่อง : รศ.นพ.วิทยา ภิฐาพันธ์ หัวหน้าหน่วยเวชศาสตร์มารตาและทารกในครรภ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

        เมื่อพูดถึงการตั้งครรภ์และการคลอด ส่วนใหญ่ทั้งคุณหมอและคุณแม่มักจะให้ความสนใจปัญหาที่จะเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์และคลอดเสียเป็นส่วนมาก ปัญหาในช่วงหลังคลอดมีคนกล่าวถึงกันไม่มาก ทั้งที่ปัญหาบางอย่างในระยะหลังคลอด อาจจะรุนแรงมากจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยก็มีถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็วทันการ


        ครั้งนี้ผมจะเล่าเกี่ยวกับปัญหาและอาการผิดปกติที่พบบ่อย ๆ ในระยะหลังคลอดเพื่อให้คุณแม่นำความรู้ไปใช้ในการดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องครับ

1. เจ็บฝีเย็บ

        คุณแม่ที่คลอดทางช่องคลอดและมีฝีเย็บฉีกขาด ซึ่งไม่ว่าจะจากการฉีกขาดเองหรือจากการตัดโดยคุณหมอก็ตาม จะมีอาการเจ็บฝีเย็บกันแทบจะทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าอาการเจ็บดังกล่าวมักจะไม่รุนแรงมาก รับประทานยาแก้ปวดก็หายหรือบรรเทา และประมาณ 3-4 วันหลังคลอด อาการเจ็บดังกล่าวก็แทบจะไม่มีแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ

        แต่ถ้าคุณแม่บางคนมีอาการเจ็บที่ฝีเย็บมาก เจ็บจนทรมานรับประทานยาแก้ปวดแล้วก็ไม่หาย บางคนรู้สึกแผลฝีเย็บบวมแดงด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้อย่ารอช้า รีบไปหาคุณหมอเถอะครับ แผลของคุณแม่อาจจะมีเลือดออก หรือมีการอักเสบติดเชื้อ ซึ่งต้องรับการดูแลรักษาเร่งด่วนครับ อาจจะเป็นการเย็บแผลใหม่ หรือให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อโรค

2. ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ

        ในขณะคลอด ศีรษะทารกที่เคลื่อนต่ำลงมาจะมากดบริเวณท่อปัสสาวะ ทำให้ท่อปัสสาวะบวม ทำให้ถ่ายปัสสาวะลำบาก เกิดการคั่งค้างของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย บางคนก็เกิดการติดเชื้อเฉพาะในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งมักไม่ค่อยมีไข้ เพียงแต่จะมีแค่อาการถ่ายปัสสาวะลำบาก หรือปัสสาวะแสบขัดโดยเฉพาะตอนถ่ายปัสสาวะจะสุด แต่ในคุณแม่บางคนการติดเชื้ออาจจะลามขึ้นไปจนถึงกรวยไตทำให้กรวยไตอักเสบ ถ้าเป็นเช่นนี้คุณแม่มักมีไข้ที่มีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาโดยคุณหมออย่างรวดเร็วและทันท่วงที มิฉะนั้นอาจเกิดการติดเชื้อเข้าไปในกระแสโลหิตจนถึงช็อก และเสียชีวิตได้ครับ

3. เป็นไข้

        ภายหลังคลอดทันทีจนถึงประมาณ 1 ชั่วโมงภายหลังคลอด คุณแม่อาจจะรู้สึกว่าตัวเองมีอาการตัวรุม ๆ หนาวสั่นคล้ายจะมีไข้ เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องปกติครับ เนื่องจากภายหลังคลอดใหม่ ๆ คุณแม่มีการเสียเลือดไปจากร่างกายค่อนข้างมากและทันที ทำให้ร่างกายต้องมีการปรับตัว แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เมื่อคุณแม่ปรับตัวได้แล้ว อาการไข้ก็จะหายไปได้เองครับ

        แต่ถ้าในวันต่อมาซึ่งอาจจะเป็นตั้งแต่วันแรกหลังคลอดหรือวันอื่นหลังจากนั้น ที่คุณแม่หายไข้ไปแล้วแต่กลับมีไข้ขึ้นมาใหม่อย่างนี้ ต้องหาสาเหตุว่าไข้เกิดจากอะไร ที่พบบ่อย ๆ เช่น

        ไข้หวัด : คุณแม่ที่กว่าจะคลอดต้องใช้เวลาเจ็บครรภ์คลอดนาน ร่างกายอ่อนเพลีย แถมห้องคลอดมีอากาศเย็นด้วย ก็อาจจะเป็นไข้หวัดได้ โรคนี้วินิจฉัยได้ไม่ยากหรอกครับ บางทีถามแค่อาการก็บอกได้แล้ว คุณแม่บางคนมีน้ำมูก หรือไอ จามให้เห็นด้วยก็มี

        มดลูกอักเสบ : คุณแม่ที่มีปัญหาขณะคลอด เช่น มีน้ำเดินนาน มีการตรวจภายในบ่อยครั้ง มีการทำหัตถการต่าง ๆ เช่น ใช้คีมช่วยคลอด มีการล้วงรก รวมทั้งคุณแม่บางคนมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคเอสแอลอี คุณแม่เหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะมีการอักเสบของมดลูกได้ ซึ่งถ้าเป็นเพียงเล็กน้อย คุณแม่อาจจะมีอาการเพียงแค่เลือดออกผิดปกติหลังคลอด แต่ถ้าอาการรุนแรงขึ้นก็จะมีไข้ มีอาการเจ็บที่มดลูก และมีตกขาวผิดปกติ ร่วมด้วย

        มีการอักเสบของแผลฝีเย็บ : แผลฝีเย็บที่มีการอักเสบ จะทำให้คุณแม่มีอาการปวดอย่างมากและคุณแม่จำนวนไม่น้อยจะมีไข้ขึ้น โดยเฉพาะในรายที่แผลฝีเย็บมีการอักเสบรุนแรงจนมีหนอง

        คุณหมอจะต้องพยายามหาสาเหตุให้ได้ว่า อาการไข้ของคุณแม่เกิดจากอะไร แล้วให้การดูแลรักษาที่เหมาะสมต่อไป

4. ตกเลือด

        การตกเลือดหลังคลอด แบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ ระยะแรกคือ การตกเลือดภายหลังคลอดทันทีหรือภายใน 24 ชั่วโมง หลังคลอด และระยะที่ 2 คือ การตกเลือดที่เกิดขึ้นภายหลังคลอดในระยะเวลาตั้งแต่ 24 ชั่วโมงไปจนถึง 6 สัปดาห์ภายหลังคลอด

        การตกเลือดหลังคลอดทันที มักมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี การฉีกขาดของช่องคลอด การมีรกค้าง และความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและรวดเร็ว มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตจากการเสียเลือดได้

        ปัญหาการตกเลือดหลังคลอดทันทีมักจะเป็นเรื่องที่รุนแรง แต่ข้อดีก็คือปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นขณะที่คุณแม่ยังคงนอนในโรงพยาบาล ทำให้การดูแลรักษามักไม่ล่าช้า

        ส่วนการตกเลือดในระยะที่ 2 คือ ภายหลังคลอดนานเกิน 24 ชั่วโมงไปแล้ว สาเหตุมักจะเกิดจากมดลูกอักเสบและการมีเศษรกหรือเศษถุงน้ำคร่ำค้างอยู่ในโพรงมดลูก ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นเพียงชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งสาเหตุทั้ง 2 ประการมักจะทำให้คุณแม่มาพบคุณหมอด้วยอาการคล้าย ๆ กัน คือ น้ำคาวปลาที่เคยมีสีแดงแล้วจางลงจนเป็นสีเหลืองและขาว กลับมีสีแดงขึ้นมาใหม่ ปัญหานี้มักเกิดในคุณแม่ที่คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านไปแล้ว ซึ่งหากมีอาการดังกล่าว คุณแม่ต้องรีบมาพบคุณหมอนะครับ ถ้าเป็นการอักเสบของมดลูกคุณหมอก็จะให้การรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ แต่ถ้ามีเศษรกหรือเศษถุงน้ำคร่ำค้าง คุณแม่อาจจำเป็นต้องรับการขูดมดลูกครับ

5. น้ำคาวปลาผิดปกติ

        น้ำคาวปลาปกติ หมายถึง เลือดและเยื่อบุโพรงมดลูกที่มีการฉีกขาดและหลุดลอกออกมาร่วมกันภายหลังคลอด ซึ่งในระยะ 2-3 วันแรกจะมีสีแดงจากการที่ยังมีเลือดออกค่อนข้างเยอะ หลังจากนั้นประมาณ 3-4 วัน เลือดจะออกน้อยลง ทำให้น้ำคาวปลาสีจางลง ภายหลังคลอดประมาณ 10 วัน น้ำคาวปลาจะออกน้อยและภายในช่องคลอดเริ่มมีการสร้างตกขาวปนออกมากับน้ำคาวปลา ทำให้น้ำคาวปลาในระยะนี้มีสีขาวปนเหลือง และเหนียวข้น และหลังจากนั้นน้ำคาวปลาก็จะหมดไปกลายเป็นตกขาวตามปกติ

        น้ำคาวปลาที่ผิดปกติ หมายถึง น้ำคาวปลามีคุณสมบัติต่างจากน้ำคาวปลาที่ปกติ ซึ่งอาจจะเป็นความผิดปกติของ ลักษณะปริมาณ หรือช่วงระยะเวลาที่น้ำคาวปลาไหลออกมา

        น้ำคาวปลาที่ผิดปกติซึ่งที่พบได้บ่อย ๆ มี 2 ชนิด คือ น้ำคาวปลาที่เคยจางลงแล้วกลับมามีสีแดงใหม่และน้ำคาวปลาที่มีกลิ่นเหม็น

        น้ำคาวปลาที่กลับมามีสีแดงใหม่ : ส่วนมากแล้วเกิดจากการที่มีเศษรกค้างอยู่ในมดลูกหรือมีการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก สำหรับปัญหาว่าทำไมบางคนรกถึงค้างในมดลูกไม่ยอมคลอดเหมือนคนอื่น ๆ สาเหตุที่พบบ่อย ๆ ก็คือการที่คุณแม่เคยมีการอักเสบติดเชื้อในมดลูกมาก่อน หรือเคยขูดมดลูกมาหลายครั้ง ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดการอักเสบในมดลูก หรือถ้าเคยขูดมดลูกก็อาจทำให้ผนังของโพรงมดลูกไม่เรียบ มีแผลทำให้รกเกาะติดแล้วลอกตัวได้ไม่ดี ทำให้มีปัญหารกค้าง

        น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น : ปกติน้ำคาวปลาจะมีกลิ่นคาวเลือด แต่ถ้ามีกลิ่นเหม็นแสดงว่าน่าจะมีการติดเชื้อในมดลูกสำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อน่าจะเกิดจากการที่ปล่อยให้น้ำเดินเป็นเวลานาน ซึ่งจะทำให้เชื้อโรคซึ่งอยู่บริเวณช่องคลอดเข้าไปในมดลูกได้ นอกจากนี้ การตรวจภายในเป็นระยะ ๆ เพื่อดูว่าการเจ็บครรภ์ของคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง ถ้าตรวจบ่อยครั้งก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย

        ภายหลังคลอด ร่างกายของคุณแม่ส่วนมากจะมีการเปลี่ยนแปลงของระบบอวัยวะต่าง ๆ เพื่อกลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนก่อนการตั้งครรภ์ภายในระยะเวลาประมาณ 6 สัปดาห์ คุณแม่ส่วนมากจะมีการเปลี่ยนแปลงที่เป็นปกติ มีคุณแม่บางคนมีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นถ้ามีอาการผิดปกติภายหลังคลอดไม่ว่าอาการใด ๆ ก็ตาม รีบปรึกษาแพทย์ การชะล่าใจอาจนำมาซึ่งความเสียใจภายหลังได้ครับ

ยาขับน้ำคาวปลา..จำเป็นไหม ?

        ในอดีตมีความเชื่อว่าคุณแม่หลังคอลด ถ้าน้ำคาวปลาออกมามาก ๆ ถึงจะดี เพราะเชื่อว่าจะได้ขับเลือดเสียออกจากร่างกายนั่นเอง ดังนั้น คุณแม่หลังคลอดจึงมักได้รับคำแนะนำ ให้รับประทานยาขับน้ำคาวปลาซึ่งมักเป็นยาดองเหล้า ความเชื่อดังกล่าวผิดครับ คุณแม่ที่รับประทานยาดองเหล้ามาก ๆ ถ้าให้ลูกดูดนม ลูกจะได้รับแอลกอฮอล์ด้วย ถ้าดูดมาก ๆ ลูกก็จะเมาเหล้าไปด้วย

        ในปัจจุบันหลังจากทารกคลอดแล้ว คุณหมอจะฉีดยาหรือให้ยาทางหลอดเลือด เพื่อให้มดลูกหดรัดตัวดี ก็จะเป็นการขับน้ำคาวปลาได้มากพอแล้ว เพราะฉะนั้นการกินยาขับน้ำคาวปลาจึงไม่จำเป็น ยิ่งในรายที่ผ่าคลอด คุณหมอจะทำความสะอาดในโพรงมดลูกให้ด้วยดังกล่าวไปแล้ว น้ำคาวปลาของคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอดก็จะยิ่งลดลงไปอีก การรับประทานยาขับน้ำคาวปลาจึงไม่จำเป็นแต่อย่างใด


         
   
  


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.18 No.216 ตุลาคม 2556
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
5 ปัญหาสำคัญ หลังคลอด อัปเดตล่าสุด 26 พฤศจิกายน 2556 เวลา 16:27:03 71,381 อ่าน
TOP