ผอ.รพ.เด็ก เสนอจัดวันลาให้แม่ลูกอ่อนได้ 150 วัน หรือมีสิทธิลาพักงานเพื่อให้นมลูกได้วันละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ไปจนถึงห้ามโฆษณานมผงเด็กทารก
หลังจากงานสัปดาห์นมแม่โลก ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม องค์กรพันธมิตรนมแม่โลก(WABA - World Alliance forBreastfeeding Action) ซึ่งมีประเทศสมาชิก177 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ได้มีคำขวัญรณรงค์ให้พ่อแม่ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับนมแม่ว่า Understand the Past: Planning the Future หรือบทเรียนในอดีตนำสู่การวางแผนที่ดีในอนาคต
และล่าสุดวานนี้ (26 กันยายน) พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) หนึ่งในผู้ให้ความสำคัญการรณรงค์ให้ทารกกินนมแม่ เปิดเผยว่า จากข้อมูลพบว่าเด็กไทยที่กินนมแม่อย่างเดียวจนอายุ 6 เดือน มีเพียงร้อยละ 29 ถือว่าเป็นเกณฑ์ที่ต่ำมาก แม้ว่าปัจจุบันสังคมมีความเข้าใจเรื่องนมแม่มากขึ้น แต่สถานการณ์ต่าง ๆ ก็อาจทำให้แม่ให้นมลูกไม่สำเร็จ การทำความเข้าใจทั้งเรื่องที่มีการแยกแม่ลูกหลังคลอด ทำให้ลูกไม่ได้ดูดนมทันที การที่คุณแม่ไม่มีที่ปรึกษาที่ถูกต้อง หรือการให้นมขวดก่อนนมแม่ ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการให้นมแม่
พญ.ศิราภรณ์ กล่าวต่อไปว่า แม้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นเรื่องที่มีการยอมรับอย่างกว้างขวางแล้วแต่ก็ยังมีคำถามว่า ในอนาคต ระบบสาธารณสุขจะเข้ามาช่วยเหลือสร้างความรู้ความเข้าใจให้บุคลากรและประชาชนอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ที่แม่ลาคลอดลูกได้ 90 วัน โดยที่ยังได้รับเงินเดือน และอาจลาต่อได้อีก 60 วัน โดยไม่ได้รับเงินเดือนส่วนที่ลาต่อ หรือมีสิทธิลาพักงานเพื่อให้นมลูกได้วันละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หรือสถานประกอบการต่าง ๆ สนับสนุนการให้นมแม่ด้วยการจัดมุมนมแม่ให้เป็นสัดส่วน นอกจากนี้ ควรมีหลักเกณฑ์ทางการตลาดห้ามโฆษณานมผงหรืออาหารสำหรับทารกแรกเกิดถึง 2 ปี
ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน เพราะปัญหาสุขภาพของเด็กไทยเป็นปัญหาระดับชาติ และการสนับสนุนให้มารดาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวจนอายุ 6 เดือน เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่องค์การอนามัยโลกยอมรับแล้วว่าได้ผล ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับสังคมไทยของเราแล้วว่าให้ความสำคัญอย่างจริงจังหรือไม่ เพื่ออนาคตของเด็กไทยของเรา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก