เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดยคุณ maneenews สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
หัวหน้าทีมแพทย์ เผย ใช้แพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ในการทำคลอดเด็กแฝด 6 ถึง 20 คน และต้องซักซ้อมก่อนวันจริงเป็นเวลาถึง 1 เดือน ส่วนน้องมินิลูกสาวคนที่สี่ อาการดีขึ้นแล้ว คาดว่าอีก 1 เดือน จะสามารถกลับบ้านได้
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้นำเสนอข่าวของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่อย่าง คุณนพพร วังวิทยาสกุล อายุ 37 ปี และคุณดวงชนก วังวิทยาสกุล อายุ 29 ปี ที่เพิ่งมีสมาชิกใหม่ในครอบครัวเป็นลูกแฝด 6 คน โดยเป็นหญิง 3 คน เป็นชาย 3 คน คนโตเป็นลูกสาวชื่อ ออดี้, คนที่สองเป็นลูกสาวชื่อ ฟอร์จูน, คนที่สามเป็นลูกชายชื่อ พอร์ช, คนที่สี่เป็นลูกสาวชื่อ มินิ ซึ่งคนนี้น้ำหนักตัวไม่ถึงเกณฑ์ ทำให้ยังต้องอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนคนที่ห้าเป็นลูกชายชื่อ โฟล์ก และคนเล็กสุดเป็นลูกชายชื่อ เฟี๊ยซ นั้น
ล่าสุด วานนี้ (12 กรกฎาคม) คุณนพพร ผู้เป็นพ่อ ได้เผยถึงการให้นมลูก ๆ ทั้ง 6 คน ว่า ภรรยาตนจะแบ่งน้ำนมให้ลูกทุกคนเท่า ๆ กัน แต่ถ้าลูกคนไหนสามารถรับประทานนมผงได้ โดยไม่มีปัญหา เช่น อาการท้องผูก ก็จะให้นมแม่ สลับกับการให้นมผง ยกเว้นน้องมินิ ลูกสาวคนที่สี่ ที่ยังอยู่ในโรงพยาบาล และรับประทานได้แต่นมแม่ ส่วนในเรื่องการดูแลลูกนั้นอาจจะต้องจ้างคนดูแลเพิ่มเป็น 6 คน เพื่อให้ดูแลลูกได้อย่างทั่วถึง เมื่อลูกโตขึ้น
ทั้งนี้ คุณนพพร ยังเล่าถึงช่วงก่อนคลอดว่า เมื่อไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทางโรงพยาบาลได้มีการจัดตั้งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญขึ้นมา โดยดูแลตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์ เพราะการตั้งครรภ์ทีเดียวถึง 6 คน ถือว่ามีความเสี่ยงสูง ทั้งเรื่องเด็กที่อยู่ในครรภ์ และเรื่องการทำคลอด ซึ่งภรรยาจะต้องไปตรวจร่างกายทุกอาทิตย์
ด้าน ศาสตราจารย์แพทย์หญิงอรดี จันทวสุ หัวหน้าทีมแพทย์ผู้ทำคลอด ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลเคยเจอเคสเด็กแฝดสี่ ซึ่งนั่นก็ถือว่าหนักแล้ว แต่เคสนี้เป็นการตั้งครรภ์เด็กแฝดถึงหกคน เลยต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงมีการตั้งทีมแพทย์ขึ้นมารวม 20 คน โดยมีการวางตำแหน่งเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ใครจะทำอะไร และอยู่ตรงตำแหน่งไหนภายในห้อง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดความโกลาหลได้ ซึ่งการทำคลอดในครั้งนี้ เป็นการผ่าคลอดก่อนกำหนด ในขณะอายุครรภ์ได้ 7 เดือน เนื่องจากน้องมินิลูกสาวคนที่สี่ มีภาวะไม่เจริญเติบโต จึงต้องป้องกันไม่ให้กระทบกับเด็กคนอื่น ๆ
ศาสตราจารย์แพทย์หญิงอรดี ยังกล่าวอีกว่า ในการทำคลอดครั้งนี้ ต้องมีการซักซ้อมก่อนการทำคลอดจริงประมาณ 1 เดือน เพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งเมื่อถึงวันจริง ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ซึ่งทางแพทย์ได้นำเด็กออกมาตามลำดับอย่างถูกต้อง ดังนั้นจึงไม่ใช่ผู้กำหนดว่าเด็กคนไหนจะเป็นพี่หรือเป็นน้อง
สำหรับอาการของน้องมินินั้น จากเดิมที่มีน้ำหนักแรกคลอดเพียง 510 กรัม ตอนนี้น้องมินิมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 1,600 กรัมแล้ว แต่ยังคงต้องอยู่ในโรงพยาบาลจนกว่าจะมีน้ำหนักถึง 2 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขณะนี้อาการของน้องมินิดีอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือน ก็จะสามารถกลับบ้านได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
รายการเรื่องเล่าเช้านี้
