x close

Enioy ไปกับคุณแม่ แบม จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงษ์

แบม จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงษ์ - น้องเวนิส

Enioy To Be Mom… (modernmom)
เรื่อง : ศิริพร แสงทวี / ภาพ : เอกรัตน์ ศรีพานิชย์

         เป็นครั้งที่สองแล้วค่ะที่คุณ แบม จณิสตา (ลิ่วเฉลิมวงษ์) จรูญสมิกธิ์ มาขึ้นปก MODERN MOM ครั้งก่อนเธอมาตอนที่กำลังตั้งท้องได้ 6 เดือน คราวนี้เธอกลับมาขณะที่ น้องเวนิส-ด.ญ.เวณิสตา อายุได้ 1 ปี 6 เดือนแล้ว เรานั่งพูดคุยกับเธอว่าหลังจากมีลูกแล้ว ชีวิตหรือมุมคิดของเธอเปลี่ยนไปยังไงบ้าง

ชีวิตหลังสัมผัสคำว่า "แม่"

         ที่มาถ่ายปกให้ Modern Mom ครั้งที่แล้วมันเป็นความรู้สึกรอคอย แต่วันนี้มันเป็นความสุขจากการได้รับ ก็มีความสุขกันไปคนละแบบนะคะ วันนั้นเป็นแค่การรอคอย การคาดหวัง แต่ยังไม่รู้จะเป็นยังไง แต่นี่เราได้สิ่งนั้นมาแล้ว ก็มีความสุขกับการมองไปข้างหน้าว่าเราจะเลี้ยงเขาเป็นยังไง

         ที่บอกว่าเราคือผู้ได้รับ ทั้งที่คนทั่วไปว่าแม่คือผู้ให้ ก็เพราะแบมมองว่านอกจากการที่เราให้กำเนิดเขา ให้การดูแลเลี้ยงดูเขา เวนิสก็ให้แบมด้วยเหมือนกัน เวลาแบมกลับไปบ้าน ได้เจอเขา มันชื่นใจทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าเราอยากดูแลตัวเอง รู้สึกรักตัวเองมากขึ้น มันมีมากกว่าตอนที่ไม่มีเขา อย่างเมื่อตอนที่ยังไม่มีลูก การดูแลตัวเองแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ คิดกระทั่งว่าไม่กลัวตาย ชีวิตเกิดมาก็แค่นั้น ถ้ามีวันหนึ่งมันเกิดอะไรขึ้นมาก็ไม่เป็นไร คือความรักชีวิตก็เป็นแบบหนึ่ง แต่พอมีลูก ความรู้สึกกลัวตาย กลัวเจ็บป่วยมากกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก เมื่อก่อนไม่ตรวจสุขภาพ แต่เดี่ยวนี้ไม่ได้ ต้องดูแลตัวเอง เพราะถ้าเราเจ็บ เราป่วย เราอ่อนแอ เราก็จะดูแลเขาไม่ได้เต็มที่ เป็นหวัดก็เข้าใกล้ไม่ได้แล้ว หรือถ้าเราไม่มีชีวิตอยู่แล้วใครจะเป็นคนดูแลเขา เมื่อก่อนก็เคยได้ยินคนพูดนะคะว่าพอมีลูกชีวิตจะเปลี่ยน แต่ไม่เคยคิดว่าจะมากขนาดนี้

Enjoy กับการเป็นแม่

         แบมว่าการมีลูกมีความสุขมากเลยนะ แบม Enjoy กับการเป็นแม่ เพราะมันเหมือนเราได้สร้างสิ่งสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางคนอาจจะมีความสุขกับการมีลูกแต่ไม่ได้ Enjoy กับการเป็นแม่ แต่แบม Enjoy กับการเป็นแม่มากมีความสุขกับการดูแลอาหารการกิน การแต่งตัว การพัฒนา การเอาเขาดูดนม การเอาเขานอน ไม่เคยเหนื่อยกับการดูแลเขา ได้เห็นเขากิน ได้เห็นเขาพัฒนา ได้ทำเสื้อผ้าให้เขา ทำอาหารให้เขา ได้คิดว่าเดี๋ยวอาทิตย์นี้เราจะทำอะไรกับเขาบ้าง เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ Enjoy ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นภาระที่จะต้องทำ

แบม จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงษ์ - น้องเวนิส

คุณแม่ของลูกวัยซน

         น้องเวนิสอายุขวบกว่าแล้ว พัฒนาการร่างกายก็แข็งแรงดี ทำอะไรได้สมวัย ส่วนเรื่องสมองน้องรับรู้คำสั่งเข้าใจ แต่ดื้อ อย่างบอกให้หยุดเขาจะไป บอกให้ไปเขาจะหยุด ก็อาจตามวัยของเขา เพราะเขาเข้าใจทุกอย่างนะคะ แบมสังเกตว่าเขาดื้อ ไม่ทำตามี่เราบอก แต่เวลาที่เขาต้องการอะไรเขาจะทำตาม อย่างถ้าอยากได้ของ บอกให้เขาธุจ้าเขาก็จะไหว้ เมื่อเดือนสิงหาที่เพิ่งผ่านมาแบมก็เพิ่งให้เขาเข้าเนิร์สเซอรี่ แต่ไปแค่อาทิตย์ 2 วัน เป็นขั้นเตรียมความพร้อมมากกว่า แบมอยากให้เขาไปเจอเพื่อน ๆ เจอคนอื่นที่นอกเหนือจากพ่อแม่หรือพี่เลี้ยง

เรียนรู้ "ลูก"

         แบมกับคุณโบ๊ท (บุตรรัตย์) จะให้ความสำคัญกับเรื่องวุฒิภาวะทางอารมณ์มากกว่า อย่างทุกวันนี้เราดูรู้ว่าลูกเป็นคนใจร้อน เป็นคนเจ้าอารมณ์ ซึ่งเราก็พยายามฝึกให้เขาใจเย็น แบมจะอ่านผลงานวิจัยบ้าง แล้วก็อ่านในอินเตอร์เน็ตที่มีคุณพ่อคุณแม่เขียนมาแชร์บ้าง เขาบอกว่าเวลาที่ลูกอารมณ์ร้อน เราต้องพยายามไม่ไปตอบสนองอารมณ์เขา ไม่ไปโอ๋ ไม่ไปยอม ถ้าเขากรี๊ดจะเอาอะไรเราก็จะไม่ให้ แต่ทันทีที่เขาเย็นลงเราก็จะเข้าหาเขา สำคัญที่สุดคือคำว่าสื่อสาร แบมศึกษามาว่า ต่อให้เป็นเด็กแต่เขารู้จักที่จะสื่อสารกับเรา ด้วยวิธีการสื่อสารของเขา ฉะนั้นแบมว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องรู้วิธีการที่จะสื่อสารกับลูกของตัวเอง จะสื่อสารยังไงให้เขาเข้าใจไม่มีสูตรตายตัวค่ะ แต่คุณพ่อคุณแม่จะรู้ได้เอง ต้องอาศัยการสังเกต แล้วถ้าเขาเรียกร้องในสิ่งที่เราให้เขาไม่ได้ เราก็ต้องยอมปล่อยให้เป็นไป เพราะมันถึงวัยที่เขาจะต้องเป็นแบบนี้ อย่างการนั่งคาร์ซีด ถ้าเขายอมนั่งเราก็ให้รางวัลเขา ไปนั่งกับเขา อยู่กับเขา แต่ถ้าเขากรี๊ด เราก็จะปล่อยให้เขาร้อง ให้เขารู้ว่าการทำแบบนี้ไม่ได้ผล แล้วเขาก็จะเกิดการเรียนรู้เองว่าถ้าเขาต้องการสิ่งนี้เขาต้องทำยังไงถึงจะได้มา

แบม จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงษ์

Working Mom ตัวจริง

         พอเริ่มวางแผนให้ลูกเข้าโรงเรียน แบมก็เริ่มกลับมาทำงาน ทุกวันนี้ ก็คือทำธุรกิจร้านอาหาร ดูแลเองทุกอย่าง จะเข้าที่ร้านทุกวัน แบมเลือกทำอะไรที่ใกล้บ้าน ใกล้ลูก สามารถนำลูกมาได้ หรือหากเขาไม่ได้มา เราก็ต้องสะดวกที่จะกลับไปหาหรือให้พี่เลี้ยงพามาหาเราได้ ส่วนงานด้านอื่น ๆ ก็จะรับบ้างเล็กน้อย อย่างเชิญไปร่วมงานต่าง ๆ หรืองานพรีเซ็นเตอร์ที่ยังได้รับเลือกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็จะไม่ใช่งานที่หนักหรือต้องใช้เวลามากนัก เพราะแค่นี้เวลาก็เต็มพออยู่แล้ว ณ เวลานี้แบมให้ลูกเป็นอันดับหนึ่งในทุก ๆ เรื่องแล้วด้วย

รับมือหลายบทบาท

         ผู้หญิงเราเป็นแม่ก็สามารถเป็น Working Mom ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าเราจะต้องทำหลายบทบาทพร้อมกัน ภาระมันจะมีมากขึ้น การแบ่งเวลาก็ต้องพยายามจัดการให้ดีมากขึ้น แต่มันก็เป็นเรื่องที่ทำได้

         แบมว่าธรรมชาติให้ขีดความสามารถผู้หญิงมาสูงนะคะ สูงโดยที่เราเองบางครั้งก็ยังไม่รู้ตัว ผู้หญิง เราเนี่ย อึด อย่างแบมเองด้วยบทบาทหน้าที่ทำให้เราต้องเป็นผู้นำ อยู่บ้านเราก็เป็นพี่คนโต พอมาทำงานอายุแค่ 27-28 ก็ได้เป็น ส.ส. แล้ว ก็เลยทำให้เราต้องรู้จักบาลานซ์ เราเป็นผู้หญิง แล้วก็ต้องเป็นผู้นำด้วย ความเป็นผู้หญิงเราจะไปก้าวร้าวก็ไม่ได้ แต่เราก็ต้องก้าวล่วงขึ้นไปเป็นผู้นำให้ได้ต้องมีความเด็ดเดี่ยว เด็ดขาด อะไรที่ไม่ใช่จะมาอ่อนไม่ได้งานจะไม่สำเร็จ แบมเป็นคนที่เชื่อเรื่อง Make It Happen ฉะนั้นเวลาทำอะไรแบมจะมีความเชื่อในสิ่งนั้นก่อน แล้วก็ทำมันให้สุด ทำให้ในภาคของการทำงานแบมอาจจะดูเข้มและดุ แต่พอในพาร์ตของครอบครัว การเป็นแม่ การเป็นภรรยา เราก็ต้องอ่อนลงมา เหมือนกับว่าทำบทบาทไหนก็ต้องสวมบทนั้น

         แบมเชื่อเรื่องการสร้างสมดุลชีวิต ว่าเราต้องมีการบาลานซ์ ซึ่งการบาลานซ์ของแต่ละคนไม่เท่ากันหรอก เราก็ต้องเรียนรู้และจัดสมดุลในแบบของเรา อย่างแบมวันนี้อาจทำงานจนดึกจนดื่น แต่วันรุ่งขึ้นแบมก็จะอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ เพราะถ้าเราบ้างานเต็มที่ ไม่ดูแลครอบครัว เราก็จะกังวล แต่ถ้าดูครอบครัวเต็มที่ หย่อนเรื่องงาน งานก็จะเสีย ซึ่งความกังวลนั่นแหละคืออุปสรรคในการทำทั้งสองอย่างต้องบาลานซ์ให้สมดุล ซึ่งก็ใช้ใจเรานั่นแหละในการดูว่าสมดุลแล้วหรือยัง ต้องมีสติ ข้างในใจต้องแข็งแรง ต้องมีกำลังใจ คนเราถ้าไม่มีกำลังใจทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

น้องเวนิส ด.ญ.เวณิสตา

กำลังใจของคุณแม่คนเก่ง

         มาจากคนรอบข้าง สามี พี่น้อง ลูก และตัวเราเองก็ต้องให้กำลังใจตัวเราด้วย เราต้องเลือกมองในสิ่งที่ดี สิ่งที่เบ่งบาน ชีวิตแบมก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ถ้าเรามองมันเป็นใหญ่แล้วขยายก็จะห่อเหี่ยว อยากแต่จะนอนอยู่บ้าน ไม่อยากไปไหน คนเราพักเบรกได้ แต่พอพักแล้วเราก็มานั่งคิดด้วยเหตุด้วยผลแล้วก็เดินต่อไป ต้องมีกำหนดระยะเวลาของการเบรก เพราะถ้าเบรกเกินกำหนดมันก็จะเสียหายถึงเรื่องอื่น ๆ ด้วย

         อย่ากลัวที่จะเหนื่อย เพราะความเหนื่อยเป็นสิ่งที่มนุษย์เราต้องเจออยู่แล้ว คุณจะบอกว่าประสบความสำเร็จไม่เหนื่อย ไม่มี รวยไม่เหนื่อย ไม่มีอย่ามองว่าเราคือคนที่เหนื่อย คนที่แย่ที่สุดในโลกนี้ คนที่แย่กว่าเราก็มีอีกตั้งเยอะ ฉะนั้นเมื่อเราไม่กลัวเหนื่อย เมื่อเจอเราจะไม่รู้สึกหรือทุกข์กับมัน พอใจเราสู้ เราก็จะมีกำลังใจที่จะลุกขึ้นมาบาลานซ์ชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล บางคนไม่ได้มีแค่เรื่องตัวเอง ลูก สามี บางคนมีเรื่องความรับผิดชอบครอบครัวใหญ่ ดูแลแม่ ดูแลน้อง แบมขอเป็นกำลังใจให้กับคุณแม่ ๆ ท่านอื่น ๆ ด้วยนะคะ

         หลายคนอาจคิดว่าการดูแลครอบครัว จัดการหน้าที่การงาน และดูแลตัวเองไปพร้อม ๆ กันเป็นเรื่องยาก แต่คุณแบมก็ให้เคล็ดลับมาแล้วว่า แค่คุณมองสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของการ Enjoy แล้วเปิดใจที่จะรับฟังความรู้สึก คุณก็จะพบจุดสมดุลได้ไม่ยากเลยค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.16 No.192 ตุลาคม 2554

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
Enioy ไปกับคุณแม่ แบม จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงษ์ อัปเดตล่าสุด 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา 18:22:53 2,378 อ่าน
TOP