x close

7 ปัญหาสุขภาพเบบี๋ ที่พบบ่อย

แม่และเด็ก

7 ปัญหาสุขภาพที่เบบี๋พบบ่อย
(modernmom)
โดย: นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์

          ปัญหาสุขภาพของเด็ก ๆ ที่พบบ่อยในช่วง 3 เดือนแรกของชีวิต มักเป็นปัญหาจากการปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม จากในท้องแม่มาสู่โลกภายนอก รวมไปถึงความสามารถในการปรับตัวของคุณพ่อคุณแม่ต่อการเลี้ยงดูลูก ๆ โดยเฉพาะในลูกคนแรก

          ความเป็นจริงแล้ว ปัญหาต่าง ๆ ของเด็กในช่วงนี้มักหายไปได้เองเมื่อโตขึ้น และเมื่อร่างกายของเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกภายนอกได้ ความเข้าใจภาวะดังกล่าวจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายความกังวล และรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างเหมาะสม ไม่ตื่นตระหนกเกินควร แต่ยังสามารถเฝ้าระวังภาวะอันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

          นอกจากนี้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ยังช่วยให้ช่วยสังเกตได้ว่า อาการแสดงลักษณะใดควรพาลูกไปพบคุณหมอ เพื่อให้การวินิจฉัยและช่วยเหลือเป้นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป

          ดังนั้น ก่อนอื่นพ่อแม่มือใหม่จึงควรรู้และเข้าใจก่อนว่า ปัญหาสุขภาพของลูกเบบี๋ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้รับมือต่อไปได้ครับ

1. ภาวะตัวเหลืองในทารกแรกเกิด

          ทารกแรกเกิดช่วงเดือนแรกของชีวิตจำนวนหนึ่ง มีโอกาสตัวเหลืองตาเหลืองได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ส่วนใหญ่เกิดจากภาวะการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงตามปกติ ด้วยความที่เม็ดเลือดแดงของทารกแรกเกิด มีอายุสั้นกว่าเม็ดเลือดแดงของเด็กโตและผู้ใหญ่ ทำให้เกิดการสร้างสารสีเหลืองขึ้นในร่างกายจากการแตกของเม็ดเลือด

          นอกจากนี้ ในเด็กที่กินนมแม่ก็อาจมีอาการตัวเหลืองได้มากและนานกว่าปกติ ซึ่งสามารถพบได้ 2 ช่วงครับ ช่วงแรกอาจพบได้ในช่วง 2-3 วันแรก อีกช่วงจะเป็นหลังหนึ่งสัปดาห์ไปแล้ว อาการเหลืองจากนมแม่นั้นไม่มีอันตราย ถึงแม้ว่าอาจจะดูเหลืองมากและเหลืองนาน บางคนเหลืองเป็นเดือน ๆ เลยนะครับ

          การดูแลรักษา : สำหรับตัวเหลืองจากนมแม่โดยทั่วไปไม่ต้องให้การรักษาอะไร ส่วนตัวเหลืองที่เกิดจากสาเหตุอื่น คุณหมอต้องหาสาเหตุและให้การรักษาที่สาเหตุนั้น อาจร่วมกับการส่องไฟ เพื่อเพิ่มการขับสารเหลืองออกจากร่างกาย หรือบางรายหากมีอาการรุนแรงอาจต้องร่วมกับการเปลี่ยนถ่ายโลหิต ซึ่งรายที่มีอาการรุนแรงจนต้องเปลี่ยนถ่ายโลหิตพบได้น้อยครับ

2.หายใจเสียงดัง

          คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กๆ คงเคยสังเกตว่า ลูกนอนหายใจเสียงดังเหมือนแมวกรน หรือเหมือนมีเสมหะในลำคอ สาเหตุส่วนใหญ่ เกิดจากการพัฒนาของอวัยวะในส่วนทางเดินลมหายใจ ยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่

          เช่น หลอดลม ซึ่งโดยทั่วไป จะมีกระดูกอ่อนคอยประคองไม่ให้เนื้อของหลอดลมตกลงไปด้านหลัง จนขัดขวางทางเดินหายใจ เมื่อเด็ก ๆ นอนหงายยังพัฒนาได้ไม่ดี หรือในเด็กเล็กๆ บางคนเนื้อเยื่ออ่อนที่อยู่ด้านหน้าของทางเดินหายใจยังไม่แข็งแรง ร่วมกับต่อมน้ำเหลืองชนิดหนึ่งชื่อว่า "ต่อมอะดีนอยด์" ที่อยู่ในบริเวณนั้นตกลงไปขัดขวางทางเดินลมหายใจเวลานอนหงาย ทำให้เด็ก ๆ หายใจแล้วมีเสียงดัง

          การดูแลรักษา : โดยทั่วไปไม่ต้องให้การรักษาอะไร เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตว่า อาการหายใจเสียงดัง ทำให้รบกวนต่อการได้รับอากาศและออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายหรือไม่ เช่น มีริมฝีปากเขียวคล้ำ เล็บเขียวคล้ำ หรือรบกวนการนอนจนลูกนอนไม่ได้ เพราะเมื่อเด็กๆโตขึ้นกระดูกอ่อน และเนื้อเยื่อด้านหน้าหลอดลมจะแข็งแรงขึ้น ประกอบกับต่อมอะดีนอยด์ก็มักเล็กลง หากอายุเกิน 5 เดือนไปแล้วอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรพาน้องไปปรึกษาคุณหมอนะครับ

3.แหวะนม

          อาการแหวะนมหรืออาเจียนในเด็กเล็กเป็นปัญหาของการกินที่พบบ่อย และมักพบอาการหลังกินนม สาเหตุของอาการแหวะนมหรืออาเจียนเกิดจากการให้นมที่ไม่ถูกวิธีครับ ตั้งแต่ท่าการให้นมลูกที่ไม่เหมาะสม ทำให้เด็กดูดลมลงไปพร้อมกับนม พอกินนมเสร็จลมจะถูกดันขึ้นมาอยู่ด้านบน หากคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ช่วยเคาะหลัง เพื่อไล่ลมออกหลังกินนม ก็ทำให้มีโอกาสที่ลมจะดันนมย้อนออกมาทางปากได้ง่ายขึ้น

          การให้นมลูกในปริมาณมากเกินกว่าที่กระเพาะของเด็กจะรับได้ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งครับ เพราะหูรูดกระเพาะอาหารของเด็กหลายคนยังไม่ค่อยแข็งแรง และจะพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำงานได้ดีขึ้นเมื่ออายุประมาณ 4-5 เดือนครับ

          การดูแลรักษา : การให้นมที่ถูกต้องทั้งปริมาณและท่าให้นม จะช่วยลดอาการแหวะนมได้มากครับ นอกจากนี้การไล่ลมให้ลูกหลังกินนม จัดท่าของลูกให้อยู่ในท่าหัวสูงอย่างน้อย 30 นาที ก่อนให้ลูกนอนลง ก็จะช่วยลดอาการแหวะนมได้ครับ หากลูกยังมีอาการที่อยู่ ๆ อาเจียนพุ่ง หรือมีอาการอื่นที่บ่งบอกว่าอาจมีอาการติดเชื้อในกระแสโลหิต (ดูในล้อมกรอบอาการติดเชื้อในเด็กเล็ก) ก็ต้องรีบไปพาน้องไปพบคุณหมอนะครับ

4.โคลิก

          โคลิกเป็นอาการที่พบได้บ่อยในเด็กเล็กโดยเฉพาะช่วงอายุน้อยกว่า 3 เดือน สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นจากลำไส้ของเด็กไวต่อการถูกกระตุ้นมากกว่าปกติ พบได้บ่อยในเด็กที่กินนมผสม เด็กที่กินแม่ก็พบได้แต่น้อยกว่าครับ เด็กมักแสดงอาการด้วยการร้องเสียงดังจนหน้าดำหน้าแดง มีอาการเกร็งและบิดของแขนและขา อาการร้องจะเป็นเวลาเดิมของทุกวัน

          การดูแลรักษา : หากมีอาการมากจนรบกวนกับชีวิตประจำวัน หรือรบกวนคนอื่นในครอบครัว คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกไปหาคุณหมอ เพื่อให้คุณหมอสั่งยาป้องกันการเกิดโคลิกให้ได้ครับ แต่อาการโคลิกจะหายไปได้เองเมื่อเด็กโตขึ้น โดยทั่วไปหลังจาก 3-5 เดือนไปแล้วครับ

5.ถ่ายบ่อย

          ในเด็กที่กินนมแม่อาจมีอาการถ่ายบ่อย เนื่องจากนมแม่มีสารอาหารที่ช่วยในการขับถ่ายครับ เด็กๆ หลายคนกินนมเสร็จก็ถ่ายทุกที คุณแม่สังเกตได้อย่างนี้ครับ หากถ่ายไม่เป็นน้ำ ไม่มีมูกเลือด ไม่มีอาการเหม็นเน่า ลักษณะอุจจาระมีกากดี ก้นไม่แดง และเด็กๆ ก็สดชื่นดี ไม่ต้องกังวลครับ

          การดูแลรักษา : หากเป็นการถ่ายบ่อยจากการกินนมแม่ และไม่มีภาวะผิดปกติอื่น ไม่จำเป็นต้องให้การรักษาครับ แต่หากมีความผิดปกติคุณหมอจะให้การรักษาที่แตกต่างกันตามสาเหตุครับ

6.อาการตัวร้อน

          อาการตัวร้อนในเด็กเล็กพบได้บ่อยมากครับ ส่วนใหญ่เกิดจากการห่มผ้าให้กับลูกมากเกินไป เนื่องจากมีกังวลกลัวว่าลูกจะหนาว บางคนห่มผ้าให้ลูกผืนเดียวก็จริงแต่พับถึง 12 ทบก็เคยเจอนะครับ โดยทั่วไปเด็กทารกแรกเกิดที่ไม่ต้องอยู่ในตู้อบ สามารถควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้เหมือนผู้ใหญ่ วิธีดูง่าย ๆ คือ หากคุณแม่หนาวคุณลูกก็หนาว หากคุณแม่ร้อนคุณลูกก็ร้อน พิจารณาง่าย ๆ ก็คือห่มผ้าให้ลูกตามที่คุณแม่รู้สึกนะครับ

          การดูแลรักษา : หากไม่มีไข้จากการติดเชื้อหรือความเจ็บป่วยอื่น การห่มผ้าอย่างเหมาะสมก็จะช่วยให้อาการตัวร้อนลดลงได้ครับ เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตอาการร่วมอื่นๆ ให้ดีนะครับว่า มีอาการอะไรที่ต้องพาลูกไปพบคุณหมอหรือไม่ครับ

7.ผื่นผิวหนัง

          ผื่นผิวหนังจำนวนมากในทารกแรกเกิดโดยเฉพาะในช่วง 7 วันแรกมักหายไปได้เองครับ ไม่ว่าจะเป็นผดผื่น สิวของทารก ตุ่มขาวบริเวณหน้าผาก แก้มและปลายจมูก หรืออาการกลากน้ำนมตามข้างแก้ม และหนังศีรษะแห้งลอกเป็นแผ่น อาการที่ต้องพาไปพบคุณหมอคือ การพบตุ่มหนอง ไม่ว่าจะบริเวณใด ๆ ของร่างกาย เพราะตุ่มหนองนี้บ่งบอกถึงอาการติดเชื้อทางผิวหนังครับ

          การดูแลรักษา : รักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายของเด็ก ๆ อย่างเหมาะสม ใช้เบบี้ออยล์หยดลงไปในน้ำอาบให้กับลูกสัก 2-3 หยดเวลาอาบน้ำ หลังอาบน้ำใช้เบบี้โลชั่นทางบาง ๆ ก็ช่วยได้มากแล้วครับ หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ หรือลุกลามเร็วมาก ควรพาไปพบคุณหมอ

          อาการต่าง ๆ ที่เล่ามาล้วนเป็นภาวะอาการที่พบได้บ่อยในคลินิกกุมารเวชกรรม ซึ่งคุณพ่อคุณแม่มักกังวล ทั้งที่อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่หายไปได้เอง เพียงแต่มีความเข้าใจและรับมือได้อย่างเหมาะสม

          สิ่งสำคัญคือ คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสังเกตอาการ ที่อาจเกิดจากความเจ็บป่วยที่รุนแรงเช่น การติดเชื้อในกระแสโลหิต หรือการติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมองเพื่อให้สามารถพาเด็ก ๆ ไปพบคุณหมอและรักษาอย่างทันท่วงทีครับ

การติดเชื้อในเด็กเล็ก

          นอกจากอาการของเด็กเล็กที่พบบ่อยๆ และได้กล่าวไปแล้วนั้น ภาวะสุขภาพที่กุมารแพทย์เป็นห่วง และต้องมองหาทุกครั้งสำหรับอาการเจ็บป่วยของเด็กเล็ก 3 เดือนแรกนั้น คือการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อในกระแสโลหิต หรือการติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง

          การติดเชื้อในกระแสโลหิตสำหรับเด็กเล็ก ๆ จะมีอาการได้หลากหลายมากเลยครับ ตั้งแต่อาการเจ็บป่วยทั่วไป เช่น มีไข้สูง ตัวเย็น ซึมลง ดูดนมน้อยลง ท้องอืด ท้องเสีย อาเจียน สีผิวเปลี่ยนแปลง ตัวลาย หายใจหอบหรือเร็ว ร้องงอแง ไปจนถึงอาการที่ดูรุนแรงจากทั้งการติดเชื้อในกระแสโลหิตอย่างเดียว หรือการติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมองร่วมด้วย อย่างอาการชัก หรือหมดสติ

          อาการต่าง ๆ เหล่านี้เป็นอาการที่พบไม่บ่อย คุณพ่อคุณแม่อย่าได้กังวลแต่เมื่อลูกไม่สบายก็ต้องเฝ้าสังเกตอาการ และหากพบก็ต้องรีบพาไปพบคุณหมอทันทีนะครับ


     


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
7 ปัญหาสุขภาพเบบี๋ ที่พบบ่อย อัปเดตล่าสุด 19 สิงหาคม 2554 เวลา 13:53:56 30,453 อ่าน
TOP