x close

เล็งตรวจ 12 รพ.เอกชน ขายไข่-อุ้มบุญ-เลือกเพศ ชี้ผิดกฎหมาย


เล็งตรวจ 12 รพ.เอกชน ขายไข่-อุ้มบุญ-เลือกเพศ ชี้ผิดกฎหมาย


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

            เล็งตรวจ 12 โรงพยาบาลเอกชน ขายไข่-อุ้มบุญ-เลือกเพศ ชี้ผิดกฎหมาย หลังมีข่าวแพร่สะพัดชาวจีนนิยมมาใช้บริการเลือกเพศลูกในไทย ระบุมีความเสี่ยง เพราะการนำไข่ออกนอกร่างกายต้องฉีดยากระตุ้น อาจมีลูกอีกไม่ได้

            เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2557 นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ในเว็บสื่อต่างชาติว่า ชาวจีนนิยมเดินทางใช้เทคโนโลยีในการช่วยเจริญพันธุ์ที่ประเทศไทย โดยเฉพาะการเลือกเพศของบุตร เนื่องจากค่าใช้จ่ายถูกและได้มาตรฐานว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล 2541 และผิดตามประกาศแพทยสภาด้วย เรื่องมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ซึ่งมีการกำหนดว่า การตรวจวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมของตัวอ่อน ก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก ทำได้เฉพาะการตรวจวินิจฉัยโรคตามความจำเป็น ต้องไม่กระทำในลักษณะการเลือกเพศ โดยสถานพยาบาลและแพทย์ผู้ให้บริการต้องได้รับหนังสือรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์แห่งประเทศไทย
 
            ทั้งนี้ นพ.บุญเรือง กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการควบคุมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและสถานพยาบาลให้ดำเนินการตามกฎระเบียบ และเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยมีกฎหมาย "ห้ามไม่ให้เลือกเพศ ขายไข่ หรืออุ้มบุญ" ซึ่งหลังจากนี้จะตรวจสอบสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนให้บริการอย่างถูกต้อง โดยขณะนี้มีอยู่ 45 แห่ง และกำลังจะขึ้นทะเบียนอีก 7-8 แห่ง หากพบว่าสถานพยาบาลใดละเมิด จะมีโทษถึงขั้นปิดสถานพยาบาลและถอนใบประกอบวิชาชีพ

            ขณะที่ พ.ต.ท.ฉัตรมงคล วศินอมร รองผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กล่าวว่า หากพบว่ามีการใช้เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ในเชิงธุรกิจค้าขายเด็ก ก็จะถือว่าเป็นการเข้าข่ายการค้ามนุษย์ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะถูกจำคุก 15 ปี และกรณีที่สถานพยาบาลเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์เป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดนั้น ก็จะถือว่าเป็นความผิดเช่นกัน และขณะนี้ได้รับเบาะแสว่ามีสถานพยาบาลเอกชนเข้าข่ายทำผิดระเบียบอย่างน้อย 12 แห่ง ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

            ด้าน นพ.สมศักดิ์ โล่เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ทางแพทยสภาก็มีระเบียบข้อปฏิบัติอย่างชัดเจนอยู่แล้วเกี่ยวกับทำเด็กหลอดแก้วและการอุ้มบุญอย่างชัดเจน ต้องทำให้คู่สมรสตามกฎหมายเท่านั้น ซึ่งการอุ้มบุญต้องกระทำโดยความสมัครใจและต้องเป็นญาติโดยสายเลือดของฝั่งสามีหรือภรรยาเท่านั้น ไม่ให้มีการซื้อขายหรือทำธุรกิจเด็ดขาด และที่สำคัญแพทย์ผู้ดำเนินการต้องได้การรับรอง ซึ่งการซื้อขายไข่ รับจ้างอุ้มบุญ และเลือกเพศนั้น ถือว่ามีความผิด ขณะเดียวกันตอนนี้ทางเราได้บอกกับ อย.ไปแล้วว่า อยากให้ออกประกาศห้ามนำสารคัดหลั่งหรือสเปิร์มเข้ามาในประเทศไทยด้วย เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีการซื้อสารคัดหลั่งของชาวต่างชาติแล้วพบว่าเชื้อเอชไอวี (HIV)

            ส่วนทางด้าน รศ.นพ.กำธร พฤกษานานนท์ ประธานอนุกรรมการเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การทำเด็กหลอดแก้ว จำเป็นต้องนำไข่ออกมานอกร่างกายของฝ่ายหญิง ซึ่งต้องผ่านหลายกระบวนการคือต้องมารับการฉีดยากระตุ้นไข่ทุกวันเป็นระยะ 10 วัน โดยกระบวนการนำไข่ออกมานอกร่างกายฝ่ายหญิงนั้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น การอักเสบ อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ แต่ในกระบวนการซื้อขายไข่นั้น ตนเชื่อว่าผู้หญิงที่ขายไข่ไม่ทราบเรื่องนี้ และต่อไปจะเป็นอันตรายมาก หากการซื้อขายไข่เริ่มทำเป็นธุรกิจ เนื่องจากต้องกระตุ้นไข่ให้ได้เยอะที่สุด และจะมีความเสี่ยงมากหากร่างกายเกิดตอบสนองกับยามากเกินไป เสี่ยงต่อการเสียชีวิต และสิ่งที่สำคัญที่สุด ในอนาคตอาจจะเสี่ยงต่อการไม่สามารถมีลูกได้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก






เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เล็งตรวจ 12 รพ.เอกชน ขายไข่-อุ้มบุญ-เลือกเพศ ชี้ผิดกฎหมาย อัปเดตล่าสุด 5 สิงหาคม 2557 เวลา 12:30:49 3,135 อ่าน
TOP