สร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อย ด้วยการดูแลสุขภาพของลำไส้ให้ดี ด้วยจุลินทรีย์ bifidusก็สามารถช่วยให้ลูกน้อยแข็งแรง และฉลาดสมวัยได้แล้วล่ะค่ะ
คุณแม่ที่มีลูกไปฝากเลี้ยงหรือเริ่มเข้าเรียนอนุบาลจะพบว่าลูกเจ็บป่วยแทบทุกเดือน ตอนอยู่บ้านไม่ค่อยได้รับเชื้อโรค สบายดี วัคซีนที่ป้องกันโรคได้ก็ฉีดหมดแล้ว แต่ยังมีเชื้อไวรัสหลายชนิดที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน เมื่อเด็กเข้ามาอยู่ร่วมกันหลาย ๆ คน จะแบ่งเชื้อโรคหรือแลกเชื้อโรคกัน หรือที่เรียกว่า "germ sharing" เชื้อเหล่านี้หากไม่มีภูมิคุ้มกันอยู่ก่อนจะติดต่อกันได้ง่ายมาก ถ้าเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือกินได้น้อยบ่อย ๆ จะส่งผลกระทบต่อสมองทำให้ปัญญาทึบ นักวิจัยชาวโปแลนด์ รายงานผลว่าหลังหย่านมแม่แล้วการให้อาหารที่มีจุลินทรีย์ bifidus เช่น กล้วย บรอคโคลี่และผักใบเขียวต่าง ๆ จะช่วยลดอัตราการป่วยด้วยโรตติดเชื้อทางเดินหายใจลงได้ และทำให้ bifidusในลำไส้ยังคงอยู่ เพื่อรักษาสุขภาพลำไส้ต่อไป
การมี bifidus ทำให้สุขภาพภายในดี ให้วิตามินช่วยให้แร่ธาตุต่าง ๆ ดูดซึมได้ดีขึ้นโดยเฉพาะธาตุเหล็ก ไอโอดีน แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง แร่ธาตุเหล่านี้จำเป็นสำหรับการสร้างเนื้อเยื่อต่าง ๆ สมอง เลือด กล้ามเนื้อ กระดูก และฟัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง กากใยอาหารส่วนที่ไม่ย่อยเหลือลงมาส่วนล่างของลำไส้ จะถูกหมักโดย bifidus ทำให้การทำหน้าที่ของลำไส้ใหญ่สมบูรณ์ ถ่ายปกติ และยังลดความเสี่ยงของการเกิดเนื้องอกที่ลำไส้ใหญ่ในระยะยาว
เด็ก ๆ จึงต้องได้รับอาหารอย่างสมดุล เริ่มด้วยการให้กินนมแม่อย่างน้อย 2 ปี ให้อาหารเด็กตามวัยเมื่ออายุครบ 4 เดือน อาหารที่ให้ควรมีส่วนประกอบที่มีอาหารครบ 5 หมู่ควรให้ปริมาณและชนิดที่เหมาะสมดังนี้
พลังงานเพียงพอจากแป้ง ไขมันและโปรตีนเพื่อการเติบโตแข็งแรง อาหารสำหรับสมอง ได้แก่อาหารพวกปลาซึ่งให้ ดี เอช เอ ธาตุไอโอดีน และธาตุเหล็ก อาหารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เช่น อาหารพวกนมหมักหรือนมผงเสริมด้วย bifidusสายพันธุ์ที่ได้มีการศึกษาผลมาแล้วอาหารที่ให้วิตามินและเกลือแร่เพื่อให้ระบบต่างๆในร่างกายทำหน้าที่ได้ปกติต้องให้ลูกออกกำลังกายกลางแจ้งเพื่อให้ได้รับแสงแดด ผิวหนังจะได้สร้างวิตามินดี ซึ่งช่วยให้ดูดซึมธาตุแคลเซียมได้มากขึ้น สร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ให้ลูกได้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ให้อาหารสมองด้วยการเล่านิทานให้ลูกฟัง ตามที่ไอสไตน์เคยกล่าวว่า "อยากให้ลูกฉลาดต้องเล่านิทานให้ฟังวันละหนึ่งเรื่อง อยากให้ลูกมีไวพริบต้องเล่านิทานวันละหลาย ๆ เรื่อง" ส่งเสริมให้ลูกมีจินตนาการ ตามที่ไอสไตน์เคยกล่าวไว้คือ "จิตนาการสำคัญกว่าความรู้" ทำให้ฝันของลูกเป็นจริง ให้ลูกอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขจึงจะนับว่าเป็นความสำเร็จของการเลี้ยงลูกอย่างแท้จริง
เครดิต : พญ. วันดี วราวิทย์
