หากคุณแม่รู้สึกเจ็บหัวนม ลูกไม่ยอมดูดนม ร้องโยเยหรือหงุดหงิด นั่นอาจเป็นเพราะพังผืดใต้ลิ้นทารก แล้วพังผืดใต้ลิ้น คืออะไร ? วันนี้กระปุกดอทคอมมีเกร็ดความรู้เรื่องพังผืดใต้ลิ้น และวิธีแก้ปัญหาพังผืดใต้ลิ้นของลูกน้อยในวัยแรกเกิดจากนิตยสาร บันทึกคุณแม่ มาแนะนำกัน
พังผืดใต้ลิ้นในเด็ก ทำไมนะ...? น้ำนมก็พุ่งดี แต่ลูกไม่ค่อยอยากจะดูดนม ให้ลูกดูดนมทีไร... เจ็บเต้าทุกที ทำอะไรผิดวิธีหรือเปล่า ? ลูกดูดนมแต่ละทีน้าน นาน... แต่ว่าทำไมน้ำหนักตัวลูกไม่ขึ้นเลย ?
เชื่อว่าคำถามเหล่านี้... น่าจะเคยเกิดขึ้นในใจของบรรดาคุณแม่ที่ให้นมลูกทั้งหลายเป็นแน่ ทั้งที่คุณก็แน่ใจว่านำลูกเข้าเต้าถูกวิธี และลูกก็ดูดนมได้ทีละนาน ๆ แต่ทำไมจึงรู้สึกเจ็บหัวนม หนำซ้ำบางทีลูกก็ดูหงุดหงิดไม่อยากดูดเต้าเสียอย่างนั้น ปัญหาทั้งหมดนี้ อาจไม่ใช่ความผิดของใครแต่เป็นเพราะพังผืดใต้ลิ้นของเจ้าตัวน้อยก็เป็นได้ค่ะ
พังผืดใต้ลิ้น คืออะไรหากคุณส่องกระจกแล้วลองกระดกลิ้นขึ้น จะเห็นว่าบริเวณด้านล่างของโคนลิ้นจะมีเยื่อบาง ๆ อยู่ตรงกลางลิ้นติดไว้กับพื้นล่างของช่องปาก โดยปกติเยื่อนี้จะต้องไม่หนา และไม่สั้นเกินไป แต่กรณีที่ทารกเกิดมา และเยื่อดังกล่าวมีลักษณะหนา และสั้นจนกลายเป็นพังผืด ก็จะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของลิ้น ทำให้ลิ้นทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อลูกดูดนมแม่ พังผืดนี้ก็จะส่งผลให้การดูดนมแม่เป็นไปได้ยาก เพราะการดูดนมแม่ต้องใช้ลิ้นแลบออกมา และรีดน้ำนมจากบริเวณลานนมเข้าปากซึ่งต่างจากการดูดนมขวด เพราะลักษณะของจุกนมยาง ทารกไม่ต้องใช้ลิ้นแลบออกมารีดน้ำนม ใช้เพียงการขยับเหงือกเท่านั้น
พังผืดใต้ลิ้นกับการดูดนมแม่เนื่องจากการมีพังผืดใต้ลิ้น... ทำให้ทารกดูดนมแม่ได้ลำบาก ทำให้ทารกไม่ชอบดูดนมแม่ เพราะรู้สึกเมื่อยลิ้น หรืออาจหิวนมบ่อยกว่าปกติ เพราะได้รับน้ำนมแม่ไม่เพียงพอ และถึงแม้จะดูดนมบ่อยแค่ไหน แต่น้ำหนักของลูกก็ไม่ขึ้น เพราะไม่ได้รับน้ำนมมากพอ ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ที่เจ้าตัวน้อยมีพังผืดใต้ลิ้นคือ คุณแม่จะเจ็บหัวนมมาก แม้ว่าจะปรับท่าทางการให้นม ตรวจสอบการนำลูกเข้าเต้าให้ถูกวิธีแล้ว อาการหัวนมแตก และอาการเจ็บก็ไม่หายไป
แก้ปัญหาพังผืดใต้ลิ้นหากคุณแม่สงสัยว่าเจ้าตัวน้อยมีอาการดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์ หรือคลินิกนมแม่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจใต้ลิ้นของเจ้าตัวน้อยเพื่อวินิจฉัยว่าลูกมีพังผืดใต้ลิ้นหรือไม่ กรณีที่เด็กมีพังผืดใต้ลิ้น สามารถรักษาได้ด้วยการตัดพังผืดใต้ลิ้นให้ขาด ซึ่งหากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ เจ้าตัวน้อยจะเสียเลือดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยก่อนทำแพทย์จะทายาชา ซึ่งหลังผ่าตัดจะมีบาดแผลเพียงเล็ก ๆ เหมือนร้อนใน และทารกจะดูดนมแม่ได้ทันที และคุณแม่จะรู้ได้เลยว่าลูกดูดนมได้ดีขึ้น และอาการเจ็บหัวนมของคุณแม่ก็จะค่อย ๆ หายไปในที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol.22 Issue 266 กันยายน 2558
